ระบบฐานสุขภาพครอบครัวและชุมชน
ขุมทรัพย์ข้อมูล ที่ชุมชนปากมูล
ข้อความนี้คงไม่เกินจริงและถูกพิสูจน์แล้วที่ ต.ปากพูน จ.นครศรีธรรมราช ชุมชนติดชายฝั่งทะเล ซึ่งเคยมีปัญหาสุขภาพสารพัด ทั้งผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้พิการทางจิต เด็ก ผู้ป่วยเรื้อรังทั้งโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคระบาดในพื้นที่ อาทิโรคไข้เลือดออก โรคฉี่หนู อุจจาระร่วง หญิงมีครรภ์ และผู้ป่วยเอดส์
แต่หลังจากมีการนำความคิดเรื่องการจัดการระบบฐานข้อมูลสุขภาพครอบครัวและชุมชน (fap model) เข้าไปใช้การแก้ไขปัญหาก็เกิดขึ้นตรงจุด
อ.อุไร จเรประพาฬ อาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ผู้คิดและวางระบบดังกล่าวมาเป็นเวลาถึง 9 ปี กล่าวว่า การวางระบบฐานข้อมูลนี้อาศัยการมีส่วนร่วมในชุมชนเป็นตัวขับเคลื่อน เมื่อชาวบ้านตระหนักถึงปัญหา ก็เริ่มเห็นไปในทางเดียวกันว่าต้องแก้ไข จึงเป็นจุดเริ่มนำไปสู่ความสำเร็จในที่สุด
วิธีการลงมือจัดทำฐานข้อมูล เริ่มด้วย การทำผังเครือญาติ (family folder) โดยให้ชุมชนมีส่วนร่วม ผ่าน 9 ขั้นตอน เริ่มตั้งแต่ แต่งตั้งคณะทำงานที่มีความหลากหลายและเกิดการประสานงานกัน
– ใช้แบบสอบถามประเมินสุขภาพรายบุคคล
– จัดการฐานข้อมูล โดยการนำความรู้เชิงเทคนิคมาให้ชุมชน
– การบันทึกข้อมูลลงโปรแกรมที่สร้างไว้ ซึ่งจะมีรายละเอียดทั้งหมดทำให้ทราบว่าใครมีปัญหา อะไร ที่ไหน ทำให้ทราบความเสี่ยงตั้งแต่ระดับบุคคลถึงชุมชน
– การวิเคราะห์ข้อมูลและประเมินผล ให้แกนนำตรวจสอบก่อนนำไปทำเป็นประชาคม
– ทีมจัดการฐานข้อมูล เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงและเกิดความเข้าใจได้ง่ายที่สุด
– จัดทำแผนสุขภาพชุมชน โดยยึดความต้องการของชาวบ้านเป็นหลัก
– ดำเนินโครงการตามที่วางแผนไว้ ด้วยการรณรงค์ให้เกิดขึ้น และสุดท้ายเสนอผลการดำเนินงาน ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน
อ.อุไร ชี้ว่า การสร้างแบบสอบถามใหม่ๆ เช่น พฤติกรรมการรับประทานอาหาร ลักษณะการรับประทาน ประเภทอาหารที่รับประทาน ทำให้ทราบถึงพฤติกรรมการกินเค็ม การกินผงชูรสและเกิดการแก้ไขปัญหา เช่น การใช้ผงนัวแทนผงชูรส หรือบางชุมชนสำรวจแล้วพบว่าคนในชุมชนดื่มน้ำน้อยกว่าวันละ 2 แก้วก็ต้องเข้าไปปรับแก้ด้วยการทำโครงการน้ำสะอาด เป็นต้น
ด้านนาย
หลักการทำงานของ fap model สะท้อนให้เห็นว่าเมื่อคนในชุมชนเห็นประโยชน์ของข้อมูลก็จะทำให้ก้าวไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ โดยปากพูนกำลังจะกลายเป็น“ตำบลศูนย์ฝึก” ที่จะมี “ตำบลเครือข่าย” อีก 20 ตำบล และไปสู่ “ตำบลขยายผล” อีกตำบลละ 2 แห่ง
น.ส.
แม้เป็นเพียงกิจกรรมที่ปฏิบัติในชุมชน แต่ก็เป็นนโยบายสาธารณะเพียง 1 กิจกรรมก็สามารถส่งผลต่อประชาชนในท้องถิ่นได้
ที่มา: จดหมายข่าวชุมชนคนรักสุขภาพ ฉบับสร้างสุข ฉบับที่103
update: 09-04-53
อัพเดทเนื้อหาโดย: ภราดร เดชสาร