ย้ำมาตรการกักตัว ลดการแพร่เชื้อโควิด-19
ที่มา : ศูนย์ข่าวแปซิฟิค
แฟ้มภาพ
ย้ำมาตรการกักตัวอยู่บ้าน ลดการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้ ขอประชาชนร่วมกันปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงและอยู่ในบ้านตามมาตรการอยู่บ้าน "หยุดเชื้อ เพื่อชาติ"
การคาดการณ์การระบาดโรคโควิด-19 ในประเทศไทย นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้แสดงแผนภาพกราฟอัตราผู้ป่วยในแต่ละประเทศนับตั้งแต่แต่ละประเทศมีผู้ป่วยมากกว่า 100 คน พร้อมอธิบายว่า ช่วงนี้ไทยยังอยู่ในช่วงเวลาทอง คือ หากประชาชนร่วมกันปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงและอยู่ในบ้านตามมาตรการอยู่บ้าน ‘หยุดเชื้อ เพื่อชาติ’ จะทำให้ไทยมีอัตราผู้ป่วยเหมือนญี่ปุ่นหรือเขตปกครองพิเศษไต้หวันที่กราฟตัวเลขผู้ป่วยจะเป็นในลักษณะค่อยเป็นค่อยไปคล้ายรูปภูเขา
แต่หากไม่ร่วมมือกันจำนวนผู้ป่วยในไทยจะมีลักษณะกราฟตัวเลขคล้ายโดมที่พุ่งทะลุสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนกับอิตาลี และอิหร่าน และในไม่ช้าจะมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ซึ่งไม่มั่นใจว่าความพร้อมด้านต่าง ๆ ทางการแพทย์จะพร้อมรองรับผู้ป่วยได้ดีเพียงใด โดยขณะนี้มี 10,000 เตียง สำหรับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่อาการไม่หนัก และ 2,000-3,000 เตียง สำหรับผู้ป่วยอาการหนักที่ต้องเข้าห้องฉุกเฉิน(ไอซียู) จึงขอความร่วมมือจากประชาชนให้ร่วมกันปฏิบัติตามข้อกำหนดที่วางไว้
ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าผู้แพร่เชื้อในสนามมวยได้รับเชื้อมาจากอิตาลีที่เชื้อมีสายพันธุ์รุนแรงกว่าประเทศอื่น นพ.ศุภกิจ ระบุว่า ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลทางการแพทย์ยืนยันว่าเชื้อในประเทศไหนรุนแรงกว่ากัน พร้อมเตือนประชาชนด้วยว่า ชุดตรวจผลโควิด-19 ที่มีราคา 300-500 บาท ส่วนมากจะเป็นชุดตรวจที่ใช้แอนติบอดี้ของผู้ตรวจเป็นตัวตรวจหาเชื้อ ซึ่งตามหลักต้องรอผลที่ถูกต้องนานหลายวัน และหากแปลผลไม่ถูกอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี และผู้ที่เคยหายจากโรคนี้แต่มาใช้ชุดตรวจนี้ผลก็จะยังขึ้นว่าติดเชื้อด้วย
ด้านนพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน สาธารณสุขนิเทศก์ เขตสุขภาพที่ 10 ระบุถึงจำนวนผู้ป่วยเมื่อวานนี้ที่เพิ่มขึ้น 188 คนว่ามาจากการปรับระบบการตรวจใหม่ที่เหลือแค่การตรวจหาเชื้อจากห้องปฏิบัติการเดียว ผนวกกับมีการตรวจเข้มข้นขึ้นในต่างจังหวัด โดยจำนวนผู้ป่วย 599 คนก่อนหน้าไม่นับรวมผู้ป่วยใหม่วันนี้พบว่า เป็นผู้ป่วยที่เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง โดย 370 คนเป็นผู้ชาย 229 คนเป็นผู้หญิง ช่วงอายุ 30-39 ปี คือช่วงที่มีผู้ป่วยมากที่สุด รองลงมาเป็นอายุ 20-29 ปี และถึงขณะนี้มีประชาชนมาขอตรวจเช็คการเป็นโรคโควิด-19 แล้ว 30,000 กว่าคน แต่มีแค่ 400 คนที่ติดเชื้อโรคนี้ และมี 10,000 กว่าคนที่อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง พร้อมย้ำว่า หากมีอาการค่อยเช่น เป็นไข้ ไอ เจ็บคอ จึงค่อยมาพบแพทย์
ส่วนเช้าวันนี้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้ประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนมีมติให้ตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจประจำช่องทางการเข้า-ออกระหว่างประเทศ โดยมอบอำนาจให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละจังหวัดเป็นผู้สั่งการควบคุม และตอนนี้ได้ประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่มาช่วยคัดกรองบุคคลที่เดินทางเข้าประเทศในสนามบินสุวรรณภูมิเพิ่มด้วย
สำหรับการแถลงข่าวของกระทรวงสาธารณสุขวันนี้พบว่ามีการเปลี่ยนรูปแบบการแถลงข่าว โดยจัดให้นักข่าวนั่งห่างจากผู้แถลงข่าวตามมาตรการระยะห่างทางสังคมด้วย