ยาฝังคุมกำเนิดกับวัยรุ่น

ที่มา : มติชน


   ยาฝังคุมกำเนิดกับวัยรุ่น thaihealth     


แฟ้มภาพ  


กลายเป็นประเด็นที่ถูกสังคมตั้งคำถามว่า "ยาคุมฝังกำเนิด"ในวัยรุ่นเหมาะสมหรือไม่ ฝั่งซ้ายมองว่าเป็นแนวทางป้องกันปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อม ขณะที่อีกฝั่งมองว่าเป็นการสนับสนุนให้วัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์


นพ.บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้ข้อมูลว่า การคุมกำเนิดแบบถาวรที่นิยมใช้กันและได้ผลที่สุด คือ การใส่ห่วงยางอนามัยและการฝังยาคุมกำเนิดบริเวณใต้ท้องแขน วิธีดังกล่าวถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสนับสนุนให้วัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์อย่างเสรีหรือไม่ เพราะมีความปลอดภัยและเกิดความมั่นใจมากขึ้น ข้อเท็จจริงสถานการณ์ปัจจุบัน กลับพบว่าพฤติกรรมวัยรุ่นปัจจุบันมีความมั่นใจในการมีเพศสัมพันธ์อยู่แล้ว ซึ่งนักวิชาการต่างมีข้อมูลว่า สถานการณ์วัยรุ่นไทยมีเพศสัมพันธ์มีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้เกิดการตั้งครรภ์ไม่พร้อม ท้ายสุดส่งผลกระทบต่อการเลี้ยงบุตรไม่เหมาะสม


ทั้งนี้ กรมอนามัยมีข้อสรุปและผลการศึกษาจากประเทศอังกฤษ ถึงแนวทางการคุมกำเนิดให้ได้ประสิทธิภาพในวัยรุ่นต้องเป็นการคุมกำเนิดแบบกึ่งถาวร ออกฤทธิ์ยาวแต่เปลี่ยนได้ หรือเรียกว่า Long acting reversible contraception ซึ่งมีประสิทธิภาพกว่าการกินยาคุม เห็นได้ชัดจากข้อมูลสถิติ พบกินยาคุมมีความเสี่ยงตั้งครรภ์สูงและเป็นวิธีคุมกำเนิดที่ไว้ใจไม่ได้ เพราะวัยรุ่นมักลืมกินยาต่อเนื่องและพกยาไว้กิน


สำหรับวิธีฝังยาคุมกำเนิด ต้องอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือพยาบาลผ่านการฝึกหัด วัยรุ่นต้องผ่านการตรวจร่างกายว่าไม่มีโรคประจำตัวที่เป็นอันตราย ซึ่งจะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ในการวินิจฉัย ส่วนการฝังก่อนอื่นจะต้องทำความสะอาดบริเวณท้องแขนแล้วฉีดยาชา จากนั้นจะใช้เข็มเปิดแผลเพื่อฝังยาคุม โดยใช้เวลา 5-10 นาที หลังฝังแล้วจะออกฤทธิ์หลังครบ 1 เดือน ซึ่งจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 3-5 ปี ส่วนอาการข้างเคียงจะมีประจำเดือนกะปริดกะปรอยหรือขาดประจำเดือนช่วงหนึ่งเท่านั้น แต่หลังถอดยาคุมออกแล้ว ประจำเดือนจะกลับสู่ภาวะปกติและสามารถมีบุตรได้


อย่างไรก็ตาม วัยรุ่นชายจะต้องรับผิดชอบร่วมด้วย โดยการสวมถุงยางอนามัย เพราะนอกเหนือจากการป้องกันตั้งครรภ์แล้ว ยังเพื่อป้องกันโรคติดต่อด้วย ปัจจุบันทุกโรงพยาบาลจัดให้ศูนย์บริการอนามัยเจริญพันธุ์แก้ปัญหาท้องไม่พร้อม เป็นการจัดตั้งคลินิกให้บริการสำหรับวัยรุ่นเฉพาะ โดยจะเก็บความลับของวัยรุ่นที่มาใช้บริการภายในศูนย์ แต่ทว่าวัยรุ่นเองก็ยังไม่กล้าเดินเข้ามาปรึกษา ทำให้กรมอนามัยต้องสร้างสภาเด็กและเยาวชน เพื่อสร้างความรู้บอกต่อเพื่อนให้เข้าถึงการบริการและเข้าใจเรื่องเพศ

Shares:
QR Code :
QR Code