ยาปฏิชีวนะไม่ใช่ยาแก้อักเสบ!!!
ที่มา : คู่มือสุขภาพประชาชน โดย สมาคมเภสัชกรรมชุมชน (ประเทศไทย)
แฟ้มภาพ
ยาปฏิชีวนะ (Antibiotic) เป็นยาที่ใช้รักษาโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย แต่โดยทั่วไปมักเรียกยาปฏิชีวนะว่า “ยาแก้อักเสบ” ซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะการอักเสบส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น หลอดลมอักเสบจากภูมิแพ้ คออักเสบจากการติดเชื้อไวรัส ข้ออักเสบจากโรคข้อเสื่อมหรือเก๊าท์ เป็นต้น
ยาปฏิชีวนะมีหลายชนิด เช่น เพนนิซิลลิน (Penicillin), อะม็อกซีซิลลิน (Amoxicillin), เตตร้าซัยคลิน (Tetracycline) เป็นต้น ซึ่งแต่ละชนิดใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียต่างกัน
เป็นหวัด เจ็บคอ ต้องกินยาปฏิชีวนะไหม???
หลายคนคิดว่าการเป็นหวัดเจ็บคอ แล้วต้องกินยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อ จริง ๆ แล้วเป็นความเชื่อที่ผิด เพราะโรคหวัดเกิดจาก “เชื้อไวรัส” แต่ยาปฏิชีวนะใช้สำหรับฆ่า “เชื้อแบคทีเรีย” ดังนั้นการกินยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาโรค หรืออาการที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสจึงไม่ถูกต้อง แถมยังทำให้เปลืองเงิน เสี่ยงต่อการแพ้ยา และก่อปัญหาเชื้อดื้อยาด้วย
เป็นแผลเลือดออกจำเป็นต้องกินยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อไหม???
ถ้าแผลไม่สัมผัสสิ่งสกปรก ขอบเรียบ ล้างแผลอย่างถูกวิธี และสุขภาพแข็งแรงดี ไม่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ และที่สำคัญคือ อย่าให้แผลโดนน้ำ (อย่างน้อย 3 วัน หรือตามแพทย์สั่ง) รักษาบริเวณแผลให้สะอาด ไปทำแผลตามนัด หรือทำแผลเองอย่างถูกวิธี เพียงเท่านี้แผลก็หายเองได้โดยไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะ
“ยาปฏิชีวนะไม่ช่วยป้องกันการติดเชื้อ” ไม่ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น การรักษาความสะอาดของแผลให้ดีก็เพียงพอที่จะทำให้แผลหายได้ แต่หากแผลบวมแดงอักเสบ ให้รีบปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทันที
ยาปฏิชีวนะหยุดอาการท้องเสียได้จริงหรือไม่???
ยาปฏิชีวนะใช้ได้ผลกับอาการท้องเสียที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น ส่วนอาการท้องเสียจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น การติดเชื้อไวรัส ยาปฏิชีวนะใช้ไม่ได้ผล
อาการท้องเสียจากการติดเชื้อแบคทีเรียพบน้อยมาก (จากจำนวนคนท้องเสีย 100 คน จะเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียจำนวน 5 คนเท่านั้น) การกินยาปฏิชีวนะทุกครั้งที่ท้องเสียจึงเปลืองเงิน เสี่ยงต่อการแพ้ยาและก่อปัญหาเชื้อดื้อยาด้วย
อันตรายจากการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างไม่เหมาะสม
- แพ้ยา มีตั้งแต่อาการเล็กน้อย เช่น มีผื่นคัน จนอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต เช่น รู้สึกแน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวกและช็อค
- อาการข้างเคียง อาการเล็กน้อย เช่น คลื่นไส้อาเจียน ท้องเดิน อาการรุนแรง เช่น ตับอักเสบและเอ้นร้อยหวายฉีกขาด
- ดื้อยา ถ้าเชื้อดื้อยาทำให้ต้องรับประทานยาที่อันตรายมากขึ้น ราคาแพงขึ้น ใช้เวลารักษานานขึ้น และสุดท้ายไม่มียาใดรักษาหาย
- ติดเชื้อแทรกซ้อน อาจทำให้ติดเชื้อราแทรกซ้อน เช่น มีตกขาว หรือเป็นเชื้อราในช่องปาก เป็นต้น