‘ม.แม่โจ้’ ชวน นศ.ปลูกผักแลกค่าเทอม
ที่มา : เว็บไซต์แนวหน้า
ภาพประกอบจากMJU RADIO สถานีวิทยุมหาวิทยาลัยแม่โจ้
มหาลัยแม่โจ้ เปิดโครงการปลูกผักแลกค่าเทอม สร้างคนสร้างรายได้สร้างความยั่งยืน ซึ่งเป็นโครงการที่ให้นักศึกษาได้น้อมนำศาสตร์ของพระราชา
ไม่นานมานี้ ที่มหาลัยแม่โจ้ ได้เปิดตัวโครงการปลูกผักแลกค่าเทอม ซึ่งเป็นโครงการที่ให้นักศึกษาได้น้อมนำศาสตร์ของพระราชา แนวคิดเกษตรทฤษฎีใหม่มาปรับใช้พร้อมทั้งได้สร้างรายได้ในการนำไปใช้เป็นค่าศึกษาเล่าเรียน เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจในกระบวนการดำเนินโครงการ โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จำเนียร ยศราช อธิการบดี พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ พร้อมทั้งมีการจัดสาธิตกิจกรรมของนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการด้วย ณ โดมออร์แกนิค
ผศ.ดร.จำเนียร เผยว่า ปัจจุบันมหาลัยแม่โจ้มีนักศึกษากว่า 18,000 คน จาก 14 คณะ ศูนย์ผลิตบัณฑิตปีละกว่า 4500 คน แต่มีนักศึกษาจำนวนหนึ่งที่ต้องการแบ่งเบาภาระของผู้ปกครอง ทางมหาลัยแม่โจ้จึงคิดสร้างโครงการปลูกผักแลกค่าเทอมเพื่อให้นักศึกษานำรายได้เป็นทุน เช่นเดียวกับกองทุนกยศ. ซึ่งนักศึกษากู้ยืมต่อเนื่อง 4 ปี และเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วทำงานแล้วมีรายได้จึงชำระคืนเงินกู้ยืม แต่โครงการปลูกผักและค่าเทอมมีความแตกต่าง คือรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตสะสมระหว่างภาคเรียนจะถูกหักเป็นค่าเล่าเรียนในภาคเรียนการศึกษาต่อไปนักศึกษาจึงไม่มีสถานะเป็นลูกหนี้เหมือนกองทุนกยศ. และโครงการนี้นักศึกษาจะได้ความรู้จากการทำงานเทคนิคการปฏิบัติงานจริงจากคณาจารย์ที่มีความรู้ความสามารถ ประกอบกับผลผลิตทั้งหมดจะเป็นผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์โดยรับประกันโดยมหาลัยแม่โจ้ และนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับผลตอบแทนจากความสามารถ ความอุตสาหะ เมื่อหักต้นทุนแล้วสามารถรับเงินทุนเพื่อเป็นค่าเทอมอีกด้วย
ผศ.ดร.จำเนียร กล่าวอีกว่า ตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงเล็งเห็นว่าประเทศเทศไทยคือ ประเทศเกษตรกรรม ตลอด 70 ปี ที่พระองค์ทรงงานหนักและทรงทุ่มเทเพื่อพัฒนาเกษตรกรรมไทย ทั้งงานด้านที่เกี่ยวข้องกับ น้ำ ดิน ป่า การทำนา การปลูกพืช การปศุสัตว์ เพื่อปากท้องของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ซึ่งมีปรัชญาในการเป็น มหาวิทยาลัยที่มีความเป็นเลิศด้านการเกษตรและเป็นมหาลัยเกษตรอินทรีย์แห่งแรกของประเทศไทย จึงขอสืบสานพระราชปณิธานและกำหนดให้ปี พุทธศักราช 2560 คือ ปี กษัตริย์เกษตร ให้เกิดความสุขระหว่างประชาชนคนไทยด้วยการจัดกิจกรรม เริ่มจากกิจกรรมแม่โจ้ป้องกันมะเร็งอันเนื่องมาจากระบบสุขภาพพลานามัยและการสาธารณสุขของประชาชนคนไทย ข้อมูลสถิติ ระบุว่า สาเหตุการตายของคนไทย 4 อันดับแรก เกิดจากโรคมะเร็ง หลอดเลือดหัวใจ เบาหวานและความดันโลหิตสูง โดยมะเร็งครองอันดับ 1 มา 5 ปีซ้อน สาเหตุเกิดจากอาหารที่บริโภคโดยตรงมีการปนเปื้อนของสารเคมีเกษตรอันตรายในพืชผลเกษตร
ประเทศไทยมีพื้นที่ 513.11 ล้านตารางกม. ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 49 ของโลก ในขณะที่มีประชากร 66 ล้านคน จัดเป็นอันดับที่ 20 ของประชากรโลก ( จากจำนวน 194 ประเทศทั่วโลกแต่ปรากฏว่า สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ระบุว่า ไทยใช้ยาฆ่าแมลงเป็นอันดับ 5 ของโลก ใช้ยาฆ่าหญ้าเป็น อันดับ 4 ของโลก นำเข้าสารเคมีอันตราย กว่า 71,444 ตันต่อปี ( สสส.,2559 ) พืช ผัก ผลไม้และเนื้อสัตว์ ที่ประชาชนบริโภคจึงมีความเสี่ยงต่อสุขภาพสูง
โครงการปลูกผักและค่าเทอม ถือว่าเป็นการปลูกฝังให้เป็นปรัชญา การทำงานของมหาลัยแม่โจ้ ซึ่งจะเป็นมหาวิทยาลัยการเกษตรอินทรีย์เต็มรูปแบบแห่งแรกของประเทศไทยโดยพื้นที่นำร่องใช้ในการทดลองคือสำนักฟาร์ม 907 ไร่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้รับการพัฒนาเป็นโซนให้นักศึกษา 487 คนจาก 12 คณะได้ปฏิบัติงานลงแปลง นอกจากนี้มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ยังมีโครงการนำพื้นที่กว่า 6 พันไร่ จากสำนักฟาร์มอำเภอพร้าว 1200 ไร่ สำนักฟาร์มอำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ 2000 ไร่ และสำนักฟาร์มอำเภอละแม จังหวัดชุมพร 2000 ไร่ โดยพื้นที่เหล่านี้กำลังทยอยพัฒนาให้นักศึกษาได้ลงแปลงเพื่อการผลิตเกษตรอินทรีย์
นักศึกษาถือได้ปฏิบัติงานตามโครงการปลูกผักได้ค่าเทอมแล้วได้เกิดผลผลิตพืช ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ มหาลัยแม่โจ้จึงเปิดกาดแม่โจ้ 2477 เพื่อเป็นตลาดรองรับผลผลิตดังกล่าว ซึ่งปราชญ์แม่โจ้ 2477 หรือเป็นปีของการกำเนิดมหาลัยแม่โจ้ซึ่งเป็นมหาลัยวิทยาลัยเกษตรที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย ซึ่งมีอายุยาวนานมากกว่า 83 ปี และเป้าหมายโครงการที่จะนำรายได้เป็นทุนการศึกษา เช่นเดียวกับกองทุนกยศ. ซึ่งถือว่ากาดแม่โจ้ 2477 เป็นศูนย์กลางของสินค้าเกษตรปลอดภัยจากผู้ผลิตสู่ผู้บริโภคโดยตรงโดยจะนำผลิตผลทางการเกษตรของนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการปลูกผักแลกค่าเทอม จัดจำหน่ายโดยการนำผลผลิตของนักศึกษาที่จะเข้ามานำจำหน่ายนั้น จะมีคณะกรรมการการตรวจสอบคุณภาพของผลผลิต ของนักศึกษาว่าได้มาตรฐานหรือไม่ เพื่อเน้นคุนภาพสินค้าทางเกษตรสู่ผู้บริโภคโดยตรง
ผศ.ดร.จำเนียร กล่าวทิ้งท้ายว่า กาดแม่โจ้ 2477 จะเปิดต่อเนื่องอย่างเป็นทางการเริ่มในวันที่ 10-12 มีนาคม 2560 เป็นต้นไป ณ โดมออร์แกนิค สนามวังซ้าย โดยเน้นสินค้าทางการเกษตรของนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการปลูกผักแรกค่าเทอม นั้นมีการแบ่งโซนจัดเป็น 3 ส่วนคือ กาดหมั้ว กาดเครือข่ายชุมชนและโดมอินทรีย์ ซึ่งเป็นผลผลิตของนักศึกษาในโครงการปลูกผักแลกค่าเทอมที่ผู้เลือกซื้อสินค้าจะได้สินค้าที่ปลอดภัยดีต่อสุขภาพในราคาที่เป็นธรรมอีกด้วย