ม.แม่ฟ้าหลวง ต้นแบบมหาวิทยาลัยปลอดบุหรี่
เครือข่ายพยาบาลเพื่อการควบคุมยาสูบแห่งประเทศไทย ร่วมกับสำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ดำเนินโครงการพัฒนาสถาบันการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยปลอดบุหรี่ต้นแบบโดยพยาบาล กรณีศึกษามหาลัยแม่ฟ้าหลวง สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส.
รองศาสตราจารย์ สุปราณี อัทธเสรี รักษาการคณบดี สำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ผู้รับผิดชอบโครงการพัฒนาสถาบันการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยปลอดบุหรี่ต้นแบบโดยพยาบาล ภายใต้เครือข่ายพยาบาลเพื่อการควบคุมยาสูบแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า สำนักพยาบาลศาสตร์ ได้ตระหนักถึงพิษภัยของการสูบบุหรี่ และเล็งเห็นความจำเป็นในการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค อันเกิดจากพิษภัยบุหรี่ของประชาคมในมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักศึกษา ซึ่งจะเติบโตเป็นกำลังสำคัญของชาติ จึงได้เสนอข้อมูลต่อผู้บริหารมหาวิทยาลัยสู่การกำหนดนโยบาย เพื่อมุ่งสู่การเป็นมหาวิทยาลัยต้นแบบด้านปลอดบุหรี่ ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมและชี้แนะของประชาคมในมหาวิทยาลัย ทั้ง อาจารย์ บุคลากร และนักศึกษาในมหาวิทยาลัย
การดำเนินโครงการ เริ่มตั้งแต่การสำรวจข้อมูลการสูบบุหรี่ และการสัมผัสควันบุหรี่มือสองของบุคลากร และนักศึกษาในมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง พบว่า มีผู้สูบบุหรี่จำนวน 93 คน จากกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 3,236 คน คิดเป็นร้อยละ 2.9 สำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ ได้ดำเนินการพัฒนาแกนนำนักศึกษา และบุคลากรในการรณรงค์โดยใช้ สื่อ โปสเตอร์ สติ๊กเกอร์ บอร์ดแบบตั้ง ติดตั้งทั่วทั้งมหาวิทยาลัย ตัววิ่งคำขวัญการรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ และแจกเอกสารแผ่นพับ ให้ความรู้แก่นักศึกษา ที่เป็นกรรมการในองค์กรนักศึกษาและบุคลากร นอกจากนั้นยังช่วยเหลือผู้สูบบุหรี่ให้เลิกสูบ โดยรับสมัครผู้เข้าร่วมโครงการเลิกบุหรี่ และดำเนินการประเมินระดับการติดนิโคติน สร้างเสริมความรู้เรื่องบุหรี่ การกำหนดเป้าหมายแนวทางการเลิกบุหรี่ กิจกรรมเพื่อนช่วยเพื่อน ให้การบำบัดเชิงจิตวิทยาเป็นรายกลุ่ม การใช้หมากฝรั่งนิโคตินทดแทน และติดตามประเมินผลทุกเดือนภายหลังการบำบัด
รองศาสตราจารยฺ ดร.วันชัย ศิริชนะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ดีมาก สามารถช่วยให้นักศึกษาและบุคลากรได้ตระหนักถึงพิษภัยของบุหรี่ สามารถเลิกบุหรี่ได้ และทำให้มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงสามารถพัฒนาเป็นมหาวิทยาลัยต้นแบบปลอดบุหรี่ต่อไป
ที่มา : เครือข่ายพยาบาลเพื่อการควบคุมยาสูบแห่งประเทศไทย
update : 24-11-53
อัพเดทเนื้อหาโดย : ศิรินทิพย์ อิสาสะวิน