‘มหาวิทยาลัยหมู่บ้านหัวลำภู’วิถีพอเพียง ที่เพียงพอ สำหรับชีวิตและชุมชน
บ้านหัวลำภู หมู่ที่ 4 ต.หัวไทร อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช หนึ่งในนับพันชุมชนของนครศรีธรรมราช ที่มีประวัติศาสตร์เป็นมายาวนานกว่า 300 ปี เป็นชุมชนดั้งเดิมขนาดใหญ่ มีการดำรงชีวิต ค่านิยมในการครองชีพปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย เช่นเดียวกับเกือบทุกชุมชนในประเทศไทยที่อยู่ในวิถีชีวิตแบบทุนนิยม และแน่นอนว่าปัญหาได้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนตามมาเยือนแต่ละครอบครัวของชุมชนไม่เว้นหลังคาเรือนใดมากน้อยแตกต่างกันไป
ชุมชนแห่งนี้จึงได้ริเริ่มรวมตัวกันจัดการยุทธศาสตร์ ขับเคลื่อนชุมชนเพื่อจัดการกับปัญหาโดยแบ่งออกเป็นมิติของปัญหาที่สำคัญคือ มิติด้านสุขภาพ ด้านจิตใจ และด้านสังคม ได้ถูกกำหนดออกมาเป็นยุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหาตามลำดับจนนำไปสู่ทางออกของปัญหาคือ “สังคมดีไม่มีขาย ถ้าอยากได้ต้องช่วยกันสร้าง”
ทุกครอบครัวจึงช่วยกันริเริ่มแก้ปัญหาด้านสุขภาพด้วยการเริ่มจากการบริโภคอาหารที่ปลอดจากสารพิษ ถูกสุขลักษณะ แก้ปัญหาจิตใจด้วยการละเลิกอบายมุขส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามประจำถิ่น และด้านสังคมด้วยการสร้างศูนย์เรียนรู้ รวบรวมภูมิปัญญาท้องถิ่นสร้างความเข้มแข็ง เชื่อมโยงทั้งชุมชนให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จนกลายเป็นชุมชนชนต้นแบบ ด้วยวิธีคิดที่ว่า“มีอยู่ มีกิน มีใช้” โดยไม่เป็นหนี้เป็นสิน และด้วยวิธีคิดแบบนี้ทำให้ลูกหลานของครอบครัวในชุมชนแห่งนี้หลายคนกลับบ้านมาเพื่อดำรงชีวิตด้วยวิถีที่พอเพียงและมีความสุขที่ล้นเหลือ โดยยอมทิ้งเงินเดือนหลายหมื่นบาทต่อเดือนมาทำงานของครอบครัวที่บ้านด้วยวิถีชีวิตที่เป็นสุข
“วันเฉลิม คงเล่ห์” อายุ 28 ปี หนึ่งในลูกหลานของครอบครัวในชุมชนนี้ เมื่อกว่า 1 ปีก่อนเคยเป็นพนักงานบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการเกษตรชื่อดัง ซึ่งมีเงินเดือนสูงถึงเกือบ 5 หมื่นบาทต่อเดือน ได้ตัดสินใจทิ้งเงินเดือนและลาออกมาใช้ชีวิตที่บ้านท่ามกลางครอบครัวที่อบอุ่นและเริ่มใช้วิถีชีวิตแบบพอเพียงบน เนื้อที่เพียง 4 ไร่เศษสามารถสร้างรายได้ให้กว่า 800 บาทต่อวัน
“ผมคิดว่าสิ่งที่มีอยู่ในท้องถิ่นของเราเองคือสิ่งที่มีคุณค่า เมื่อดึงเอามาใช้ย่อมที่จะได้ประโยชน์สูงสุด ยิ่งได้เอาเทคโนโลยีมาประยุกต์ ใช้ความคิด วางแผน และจัดการตามขั้นตอน มีปัญหาก็เอามาเป็นโจทย์ในการปรับปรุงแก้ไข” เป็นวิธีคิดที่ “วันเฉลิม” ได้นำมาจัดการพื้นที่ดินของเขาเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด
ส่วนหนึ่งนอกจากเขตบ้านแล้วได้ถูกแบ่งสร้างเล้าเลี้ยงหมู ทำบ่อปลา ทำบ่อกบ และธนาคารกุ้งนา ทำแปลงปลูกผัก ทุกอย่างหมุนเวียนสามารถนำมาบริโภคในครัวเรือนได้อย่างสบาย และยังนำไปขายได้ทุกวัน วันนี้ชีวิตของคนที่มีมีลักษณะเช่นเดียวกันกับผมคือ มีอยู่ มีกิน มีใช้ ไม่มีหนี้ไม่ต้องไปห่วงเศรษฐกิจที่มันขึ้นๆ ลงๆ วันเฉลิม อธิบาย
เช่นเดียวกับบุญธรรม สังผอม ในวัย 50 ปี บอกว่าชีวิตของเขาต้องระเหเร่ร่อนไปนอกภูมิลำเนาหาเช้ากินค่ำ ถึงขั้นไม่มีกินต้องตระเวนขอข้าวเขากิน วันหนึ่งตัดสินใจกลับมาบ้านจัดการที่ดินของบรรพบุรุษโดยเริ่มจากการขุดบ่อ ยกแปลงแล้วไปรับจ้างด้านนอกมาซื้อพันธุ์ปลา พันธุ์หมู ปลูกผัก เลี้ยงกบ เพาะเห็ด ปลูกข้าว จนมีผลผลิตออกมา กินเองได้อย่างปลอดภัยไร้สารพิษ ที่เหลือส่งขายสร้างรายได้ให้ทุกวันจนมีเงินเหลือเก็บ
“วีรพงศ์ เกรียงสินยศ” กรรมการสำนักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม สสส. บอกว่า ชุมชนแห่งนี้ได้เริ่มจากการแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพ แต่ได้ลึกซึ้งไปกว่านั้นคือการรวมกลุ่มกันทำให้เกิดการทำงานร่วมกันจากสุขภาพ และพัฒนาไปสู่การเกษตร และการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข
อันนี้เป็นวิธีสำคัญที่ทำให้คนละเลิกเหล้าบุหรี่ได้ ด้วย ความพร้อมของชุมชน คนมีความสุข สสส.ได้เข้ามาสนับสนุนให้เกิดการรวมกลุ่มกัน ทำข้อมูล จัดการวางแผน และเมื่อทำขั้นตอนเหล่านี้จนเกิดการมีส่วนร่วมกัน ปัญหาทุกปัญหาจะถูกคลี่คลายเกิดการมีส่วนร่วม นำไปสู่เศรษฐกิจ ที่ดีตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ควบคุมรายจ่ายที่จำเป็น มีอาหารปลอดสารพิษมีสุขภาพทำให้ชุมชนน่าอยู่ได้ ชุมชนแห่งนี้เป็นต้นแบบของชุมชนรอบข้าง เริ่มเข้ามามีส่วนร่วมและนำไปเป็นแบบอย่าง พื้นที่ข้างเคียงหากมีความพร้อมเราสามารถเข้าไปหนุนได้ และแนวคิดชุมชนน่าอยู่พร้อมที่จะนำไปสู่การขยายผล
“แนวคิดในการพึ่งพาตนเองแบบนี้ผมเชื่อว่า จะเป็นหนทางรอดในยุคปัจจุบัน คิดเล่นๆ ดูว่าหากทุนขนาดใหญ่ล้มลงมาเมื่อไหร่ วิถีเช่นนี้จะเป็นทางรอดของประชาชนในท้องถิ่นได้อย่างแท้จริง” วีรพงศ์กล่าวทิ้งท้าย
ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ