มรภ. 38 แห่งยกระดับครู รองรับไทยแลนด์ 4.0
ที่มา : เว็บไซต์แนวหน้า
ภาพประกอบจาก สสส.
มรภ. 38 แห่ง จับมือ สสวท.-สสส.และสถาบันอาร์แอลจี ร่วมพัฒนายกระดับครูและผู้เรียนหวังส่งต่อถึงเด็กตั้งแต่ระดับปฐมวัย-อุดมศึกษา เพื่อรองรับไทยแลนด์ 4.0
27 ก.พ.62 ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาฑิการ (รมช.ศธ.) เป็นประธาน พิธีลงนามความร่วมมือเพื่อยกระดับการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ ระหว่าง สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กับมหาวิทยาลัยราชภัฏ 38 แห่ง พร้อมเป็นประธานพิธีลงนามความร่วมมือ ทางวิชาการระหว่าง สภาคณบดีคณะครุศาสตรม์หาวิทยาลัยราชภัฏ กับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว และสถาบันอาร์แอลจี (รักลูก เลิร์นนิ่ง กรุ๊ป) เพื่อร่วมพัฒนาหลักสูตรครูการศึกษาปฐมวัย (4ปี) และฝึกอบรมเสริมศักยภาพอาจารย์ และนักศึกษา หลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต ด้านทักษะสมองเพื่อการบริหารจัดการชีวิต (Executive Functions) EF ที่ห้องประชุม ศ.มล.ปิ่น มาลากุล อาคารรัชมังคลาภิเษก กระทรวงศึกษาธิการ โดยมี ศ.ดร.เรืองเดช วงศ์หล้า ประธานที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ (ทปอ.มรภ.) ผศ.ดร.รัฐกรณ์ คิดการ ประธานสภาคณบดีคณะครุศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏ (สครภ.) ศ.ดร.ชูกิจ ลิ้มปิจำนง ผอ.สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเคโนโลยี (สสวท.) และผู้บริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏ 38 แห่งเข้าร่วมงาน
ศ.คลินิก นพ.อุดม กล่าวว่า ความร่วมมือทั่ง 2 โครงการนี้จะเป็นการยกระดับและพัฒนาการศึกษาของประเทศ โดยเฉพาะการสอนวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ หรือ สเต็มศึกษา และการบ่มเพาะทักษะสมองเพื่อการบริหารจัดการชีวิต (Executive Functions) EF โดยทางคณะครุศาสตร์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏทั้ง 38 แห่ง จะได้ทำความร่วมมือกัน ซึ่งเป็นเรื่อที่สำคัญอย่างมาก เพราะระบบการเรียนการสอนในวันข้างหน้าจะต้องปรับเป็นฐานสมรรถนะทั้งหมด เพราะความรู้ไม่นานก็ล้าสมัย แต่สมรรถนะยังคงติดตัวเด็กไปตลอด ที่เด็กสามารถนำไปปรับเปลี่ยนตัวเองได้กับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในอนาคตข้างหน้านี้จากการที่มีเทคโนโลยี ทักษะสมรรถนะฐานใหญ่ เป็นการคิดวิเคราะห์ คิดเชิงตรรกะ เป็นการคิดที่ต้องมีเหตุ มีผล ซึ่งเป็นพื้นฐานของสเต็มศึกษา สเต็มจะเป็นวิชาที่จะมาวางพื้นฐาน ซึ่งในมุมวิชาการความรู้ทางวิทยาศาสตร์สเตมจะช่วยขับเคลื่อนและยกระดับเศรษฐกิจประเทศ อีกมุมหนึ่งใช้ในการเพิ่มเรื่องทักษะความมีเหตุมีผล ความถูกต้องและพิสูจน์ได้
“การที่ สสวท. สสส. สถาบันอาร์แอลจี มาร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏ ในการผลักดันเรื่องหลักสูตรวิชาสเต็มศึกษา และ การบ่มเพาะทักษะสมองเพื่อการบริหารจัดการชีวิตให้ครูที่สอนคนที่จะเรียนจบครุศาสตร์ออกไปเป็นครูจริง ๆ เพื่อไปถ่ายทอดให้กับเด็กเป็นการปูพื้นฐานที่สำคัญ ซึ่งก็จะโยงมาถึงการศึกษาปฐมวัย ในขบวนการวิทยาศาสตร์การแพทย์ เรารู้ว่า พฤติกรรม ทัศนคติ อุปนิสัย จะต้องปลูกฝังเด็กภายใน 6 ปีแรก และต้องส่งต่อเชื่อมโยงเป็นลำดับเพราะเด็กโตขึ้นไปเรื่อยๆ ดังนั้น จึงกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญในเรื่องการดูแลเด็กปฐมวัย และจะต้องส่งต่อคุณภาพไปถึงระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา อาชีวศึกษา และอุดมศึกษาด้วย เหมือนเราต้องมีเมล็ดพันธุ์ที่ดีก่อน ไม่เช่นนั้น จะให้ออกผลไม้ที่ดี ไม่มีทาง ถ้าเมล็ดพันธุ์ไม่ดีตั้งแต่แรก เพราะฉะนั้นการศึกษาปฐมวัยจึงเป็นเรื่องสำคัญ และจะต้องมีการบ่มเพาะ ซึ่งขณะนี้เราขาดแคลนครูปฐมวัยอย่างมาก ดังนั้น การบันทึกความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นการผนึกกำลังที่จะวางรากฐานของเด็กปฐมวัยให้ดี ไม่ใช่แค่มีความรู้ มีทักษะ แต่จะต้องปลูกฝังพฤติกรรมเรื่องของทัศนคติ นิสัยใจคอ คุณลักษณะที่ดีทั้งหลาย เช่น หน้าที่พลเมืองที่ดี ทั้งต่อตนเอง ต่อโลก ต่อประเทศ มีคุณธรรม จริยธรรม มีความคิดที่ใฝ่รู้ ใฝ่คุณภาพ มีความคิดต่อต้านคอร์รัปชั่น ดังนั้น หากเราผนึกกำลังกันอย่างจริงจังจะเป็นการเปิดศักราชใหม่ และเป็นการปฏิรูปการศึกษา ตั้งแต่ชั้นปฐมวัยขึ้นไป และมองไปข้างหน้าบวกด้วยสเตม จะต่อยอดไปถึงอนาคตข้างหน้า เป็นการเตรียมอนาคตของประเทศชาติ เป็นการเตรียมคนไทยในยุคใหม่ หรือในยุค 4.0 ที่ไม่ใช่เก่งอย่างเดียว แต่มีฐานที่จะเป็นคนดี เป็นผู้นำดีสู่สังคมโลก เพื่อจะไปช่วยยกระดับในการแข่งขันของประเทศ และยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ” รมช.ศธ. กล่าว
ผศ.ดร.รัฐกรณ์ คิดการ ประธาน สภาคณบดีคณะครุศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏ (สครภ.) กล่าวว่า ในส่วนของ สครภ.จะทำให้ครบวงจร เริ่มจากการพัฒนาอาจารย์ ของมหาวิทยาลัยราชภัฏ และส่งถึงตัวนักศึกษาที่จะจบไปเป็นครู และจะสร้างอาจารย์ให้เป็นวิทยากรเพื่อกระจายลงไปถ่ายทอดองค์ความรู้ต่าง ๆ ทั้งเรื่องสเตมศึกษา การคำนวน (โค้ดดิ้ง) และเรื่องทักษะสมองเพื่อการบริหารจัดการชีวิต(EF) ซึ่งทั้งหมดนี้จะลงไปถึงครูที่อยู่ในพื้นที่ทั่วประเทศ เพราะมหาวิทยาลัยราชภัฏกระจายตัวอยู่ทั่วประเทศอยู่แล้ว และเป็นอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ขณะนี้มหาวิทยาลัยราชภัฏมีหลายโครงการที่ลงไปสู่ท้องถิ่น และใน3กิจกรรมความร่วมมือนี้ จะลงไปถึงครูจะยกระดับในส่วนของตัวมหาวิทยาลัยราชภัฏ นักศึกษา อาจารย์ และครูในพื้นที่ รวมไปถึงนักเรียน นี่คือเป้าหมายที่ลงนามความร่วมมือกันในครั้งนี้ นอกจากนี้ สครภ.ยังร่วมมือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อสร้างพลเมืองที่เข้มแข็ง ดังนั้น ถือว่าเชื่องโยงกันครบทุกวงจรในการที่จะสร้างคนให้มีคุณภาพที่จะพัฒนาประเทศของเราเพื่อจะตอบโจทย์ไทยแลนด์ 4.0
ผศ.ดร.รัฐกรณ์ กล่าวด้วยว่า ปีนี้ สภาคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏ จะเปิดรับสมัครผู้ที่จะเข้ามาเรียนหลักสูตร “ครูราชภัฏพันธ์ใหม่” ดังนั้น อีก 4 ปี จะได้ครูราชภัฏพันธุ์ใหม่ ออกไปเพื่อช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาไปสู่สากล