ภาวะกระดูกพรุนของคนไทยในปัจจุบัน

ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า


ภาวะกระดูกพรุนของคนไทยในปัจจุบัน thaihealth


แฟ้มภาพ


 


กรมการแพทย์เผยคนไทยกระดูกพรุนเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะสตรีที่มีอายุ 65 ปี ขึ้นไปและผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน เสี่ยงเปราะหักง่าย


          นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า วิวัฒนาการทางการแพทย์ปัจจุบันส่งผลให้ประชาชนมีอายุยืนยาวขึ้น กลุ่มคนเหล่านี้มักประสบปัญหาด้านความเสื่อมถอยของร่างกายตามมา โดยเฉพาะกระดูก ซึ่งหากเนื้อกระดูกมีความหนาแน่นลดลงจากการสูญเสียมวลกระดูก จะส่งผลให้เกิดภาวะกระดูกพรุนได้ ซึ่งอันตรายของภาวะกระดูกพรุนนอกจากจะต้องระวังการแตกหักของกระดูกบริเวณอวัยวะต่างๆแล้ว สิ่งที่อาจเกิดขึ้นตามมาคือภาวะกระดูกหักซ้ำ เช่น บริเวณสะโพก ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการปวดเรื้อรังและรุนแรงถึงขั้นพิการ โรงพยาบาลเลิดสิน กรมการแพทย์ โดยศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้านออร์โธปิดิกส์ จึงพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์และเครือข่ายทีมรักษา ได้แก่ แพทย์ออร์โธปิดิกส์ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู แพทย์อายุรกรรม นักกายภาพบำบัด นักอาชีวบำบัด นักสังคมสงเคราะห์ พยาบาล นักโภชนาการ ดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะกระดูกพรุน โดยเฉพาะผู้ป่วยที่กระดูกสะโพกหักอย่างครบวงจร


          ภาวะกระดูกพรุนมักเกิดกับผู้สูงอายุ โดยเฉพาะ สตรีที่มีอายุ 65 ปี ขึ้นไป ส่วนผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนจะสูญเสียมวลกระดูกอย่างรวดเร็วใน 5 ปีแรก ทำให้กระดูกหักได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณกระดูกสันหลัง สะโพก และข้อมือ ทำให้เกิดปัญหาการเดินและการเคลื่อนไหวร่างกาย อาการของภาวะกระดูกพรุนจะไม่จำเพาะจนกว่าจะมีกระดูกหักเกิดขึ้น อาการที่อาจพบ คือ ปวดหลัง ตำแหน่งที่ปวดไม่ชัดเจนและอาจปวดร้าวไปข้างใดข้างหนึ่ง กระดูกหลัง ยุบตัว หลังค่อม ความสูงลดลงซึ่งหากพบความผิดปกติ ดังกล่าว ควรรีบพบแพทย์ทันที หากได้รับการตรวจคัดกรองและวินิจฉัยแล้ว แพทย์จะมีแนวทางรักษาที่เหมาะสม ห้ามผู้ป่วยซื้อยามารับประทานเองเพราะตัวยาอาจมีส่วนประกอบของสารสเตียรอยด์ทำให้เกิดภาวะกระดูกพรุนมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ควรเสริมสร้างเนื้อกระดูกให้แข็งแรงตั้งแต่ในวัยเด็ก สำหรับทางเลือกในการดูแลภาวะกระดูกพรุนโดยไม่ต้องใช้ยาคือการกินอาหารให้ครบหมู่ มีแคลเซียมสูง ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากนม กุ้งแห้ง ปลาตัวเล็กที่กินได้ ทั้งกระดูก ถั่วต่างๆ เต้าหู้ งาดำ ผักใบเขียว เช่น ผักโขม ผักคะน้า ใบชะพลู ใบยอ เป็นต้น ควรลดอาหารที่มีไขมันมาก เนื่องจากไขมันจะขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมออกกำลังกายชนิดที่มีการลง น้ำหนัก เช่น เดินเร็ว วิ่งเหยาะๆ หมั่นรับแสงแดดอ่อนในช่วงเช้า งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่


 

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

ระบุข้อความ