พ.ร.บ.ว่าด้วยมาตรา”ห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์”
เพื่อลดการดื่ม และลดผลกระทบ ของแอลกอฮอล์ต่อเยาวชน
ร่างพ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. … เป็น พ.ร.บ. ที่ผ่านการพิจารณาหลายเวทีตั้งแต่ 26 พ.ค.2548 ผ่านการรับฟังความเห็นประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้ง 4 ภูมิภาค ผ่านการแก้ไข 11 ครั้ง ผ่านครม.จนเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อวันที่ 28-29 มี.ค.2550 โดยมติที่ประชุมรับหลักการด้วยคะแนนเห็นด้วย 98 เสียง ไม่เห็นด้วย 34 เสียง งดออกเสียง 5 เสียง และให้ตั้งคณะกรรมมาธิการวิสามัญ 31 คน
ในพ.ร.บ.ฉบับนี้มาตราที่สำคัญ และมีความเห็นต่างกันมาก คือ มาตรา 31-34 ว่าด้วยการห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งร่างเดิมที่ผ่านการรับหลักการ ห้ามโฆษณาโดยสิ้นเชิง
แต่ในคณะกรรมาธิการวิสามัญเห็นต่างกัน จึงตั้งคณะอนุกรรมาธิการรวม 9 คน มาพิจารณา ซึ่งประชุม 5 ครั้ง แต่ยังเห็นต่างกัน ส่วนหนึ่งเห็นด้วยกับร่างเดิม คือห้ามโฆษณาโดยสิ้นเชิงเพื่อปกป้องเยาวชน โดยเห็นว่าควรให้โฆษณาได้ในสถานที่ที่จัดไว้ โดยเฉพาะที่ห้ามเด็กต่ำกว่า 20 ปีเข้า เช่น สถานบริการ ส่วนเสียงข้างมากในคณะอนุฯ เห็นควรผ่อนผันให้โฆษณาได้ทุกสื่อแบบมีเงื่อนไข เช่น สื่อป้ายกลางแจ้ง ห้ามไม่ให้แสดงภาพผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และจำกัดขนาดของป้าย แต่ให้โฆษณาได้ทุกที่แม้ใกล้โรงเรียนในรัศมี
เมื่อมาตราเกี่ยวกับการห้ามโฆษณา เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มีการอภิปรายให้เหตุผลต่างๆ กันมากขึ้น แต่ประเด็นที่ว่า หากห้ามโฆษณาเข้มเกินไป ร่าง พ.ร.บ.อาจไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติ (สภาใหญ่) ยังเป็นประเด็นที่ต้องร่วมอยู่ในเหตุผลตลอด ทำให้ผลออกมา ดังนี้
– สื่อสิ่งพิมพ์ ให้โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ โดยห้ามปกหน้าปกหลัง และสื่อสิ่งพิมพ์สำหรับเยาวชนและที่ใช้ในสถานศึกษา ยกเว้นการศึกษาในหลักสูตรเกี่ยวข้องกับการผสมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
– สื่อป้ายกลางแจ้ง ห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
– สื่อโทรทัศน์ ห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตั้งแต่ 05.00-24.00 น.
ส่วนในมาตรา 34 จะพิจารณาวันศุกร์ที่ 14 ก.ย.นี้ ซึ่งเกี่ยวกับการโฆษณาชื่อบริษัทผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น บริษัท ไทยเบฟเวอร์เรจ (ผู้ผลิตเบียร์ช้าง เบียร์อาชา แสงโสม แม่โขง เป็นต้น) บริษัทสิงห์คอร์เปเรชั่น (ผู้ผลิตเบียร์สิงห์ เบียร์ลีโอ) ซึ่งตามร่างเดิมห้ามโฆษณา หากคณะกรรมาธิการให้โฆษณาได้ในมาตรา 34 นี้ จะเกิดผลให้ธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สามารถโฆษณาชื่อบริษัทได้ในทุกสื่อตลอดเวลา (24 ชั่วโมง) เช่น โทรทัศน์จะมีการโฆษณาบริษัท ไทยเบฟเวอร์เรจ สิงห์คอร์เปเรชั่น ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งปัจจุบันตามมติคณะรัฐมนตรี 2546 ห้ามอยู่ หรือ ป้ายกลางแจ้งที่คณะกรรมาธิการไม่ให้โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็จะสามารถโฆษณาบริษัทผู้ผลิตและนำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้อย่างอิสระ
สิ่งที่น่าสังเกต คือ ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ เกิดขึ้นภายใต้เจตนารมณ์เพื่อลด การดื่ม ลดผลกระทบ ซึ่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้เกิดผลกระทบทุกด้านมากมาย ที่สำคัญเพื่อปกป้องลูกหลานของไทย
โดย พ.ร.บ.นี้ มีประชากรกว่า 13 ล้านเสียงสนับสนุน มีนักวิชาการลงชื่อสนับสนุนกว่า 300 ท่าน มีนักวิชาการสายนิเทศศาสตร์และวารสารศาสตร์อีกกว่า 160 ท่าน ลงชื่อสนับสนุน มีงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศมากมาย พบว่าการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีผลทำให้เยาวชนดื่มมากขึ้น เกิดผลกระทบมากขึ้น และโฆษณาทำให้เกิดค่านิยมว่าดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้สนุก มีเพื่อน เท่ห์ ที่สำคัญไทยมีบทเรียนที่มีคุณค่าจากบุหรี่ ที่ห้ามโฆษณาโดยสิ้นเชิงทุกสื่อตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่ปี 2532 (18 ปี) จำนวนนักสูบหน้าใหม่ (เยาวชน) ลดจำนวนลงเห็นได้ชัด รวมถึงค่านิยมทุกวันนี้คนสูบบุหรี่ไม่ได้เท่ห์เหมือนเมื่อ 20 ปีที่แล้ว
เหตุผลข้างต้น เห็นได้ว่า การห้ามโฆษณาโดยสิ้นเชิง ส่งผลดีต่อการลดการบริโภคและผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่เหตุใดผลการพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ จึงออกมาอ่อนลงและเหตุผลต่างๆ ที่ใช้ประกอบดูบิดเบี้ยวไปหมด เช่น สื่อโทรทัศน์ เป็นสื่อที่มีอิทธิพลที่สุดในการทำให้เยาวชนรู้จักเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ควรเป็นสื่อที่ถูกควบคุมเข้มก่อนสื่ออื่นๆ ดังเช่น 33 ประเทศทั่วโลก ที่ควบคุมการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทางโทรทัศน์ตลอด 24 ชั่วโมง
มติคณะกรรมาธิการกลับปล่อยให้มีการโฆษณาได้ทางสื่อโทรทัศน์ ขณะที่คุมเข้มป้ายกลางแจ้งซึ่งมีผลต่อเด็กน้อยกว่า ด้วยเหตุผลว่าต้องการให้ธุรกิจสุรามีทางออกในการโฆษณาบ้าง ด้วยเกรงว่าหากมาตรการห้ามโฆษณาเข้มมากจะทำให้ พ.ร.บ.ฉบับนี้พ่ายแพ้และตกไปในชั้นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
จึงเชิญชวนประชาชนให้กำลังใจ สนช.ใช้ความกล้าหาญทางจริยธรรม พิจารณามาตรการห้ามโฆษณาอย่างเข้มข้นตามร่างเดิม ห้ามโฆษณาโดยสิ้นเชิงตามแบบบุหรี่ที่สำเร็จมาแล้ว ในไทยนี้เอง หากต้องการให้ธุรกิจสุราโฆษณาได้ ก็ควรให้โฆษณาในสถานบริการและสถานจำหน่ายสุราเป็นการเฉพาะ เนื่องจากบุคคลที่เข้าสถานที่เหล่านี้ เป็นบุคคลที่ต้องการเข้าไปซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสถานที่เหล่านี้ก็ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าตามกฎหมาย
“กล้าตัดสินใจออกพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฉบับเพื่อปกป้องเยาวชนอย่างแท้จริงเถอะครับ”
สสส. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ www.thaihealth.or.th สอบถาม 0-22980500 ต่อ 1222
เรื่องโดย : นพ.
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน
Update 25-07-51