พื้นที่ไม่ใช่ข้อจำกัด ผักสุขภาพ ภาษีเจริญ
กรมวิชาการเกษตรสุ่มตรวจผัก เมื่อปี 2551-2554 กว่า 50 ชนิด มี 8 ชนิด พบสารเคมีตกค้างมากที่สุด คือ พริกขี้หนู คะน้า กวางตุ้ง ถั่วฝักยาว มะเขือเทศ มะเขือเปราะ ผักชี กะหล่ำปลี และแตงกวา ซึ่งการบริโภคผักและผลไม้ที่มีสารพิษตกค้าง หากได้รับติดต่อกันนานจะทำให้เจ็บป่วยได้ ปัญหาการบริโภคผักที่มีสารพิษตกค้าง ผนวกกับข้อจำกัดเชิงพื้นที่ของการปลูกผักของคนเมืองกรุง ทำให้การเข้าถึงผักที่ปลอดภัยต่อสุขภาพน้อยลงตามข้อจำกัดของคนเมือง
แฟ้มภาพ
เป็นที่มาของงานมหกรรม "พื้นที่ไม่ใช่ข้อจำกัด…ของผัก (สุขภาพ) คนเมือง" ครั้งที่ 1 ที่ตลาดวัดชัยฉิมพลี แขวงบางแวก ภาษีเจริญ กทม.ภายใต้ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยสยาม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานเขตภาษีเจริญ และภาคีเครือข่าย
ผศ.ดร.กุลธิดา จันทร์เจริญ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเพื่อพัฒนาชุมชน (ศวพช.) และ เลขาธิการมูลนิธิวิจัยเพื่อพัฒนามนุษย์และชุมชน กล่าวว่า ได้ดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่สร้างสรรค์เพื่อสุขภาวะ นำร่องในพื้นที่เขตภาษีเจริญ โดยการมีส่วนร่วมของชุมชนและทุกฝ่ายจัดการข้อจำกัดของพื้นที่ให้เอื้อประโยชน์ต่อสุขภาวะ ซึ่งคณะทำงานพัฒนาพื้นที่สุขภาวะ ได้ขับเคลื่อนการทำงานจนเกิดตลาดกลางรองรับผักปลอดภัยที่ตลาดวัดชัยฉิมพลี เป็นพื้นที่แรกในเขตภาษีเจริญ ดำเนินงานภายใต้กระบวนการสร้างความร่วมมือของเกษตรกร แม่ค้า ผู้บริโภค เครือข่ายที่มีความเชี่ยวชาญ อาทิ มูลนิธิชีววิถี สวนเงินมีมา (ตลาดสีเขียว) ชุมชนภาษีเจริญ สำนักงานเขตภาษีเจริญ โดยตลาดวัดชัยฉิมพลี รองรับการจำหน่ายผักปลอดภัยอย่างเป็นระบบ ชื่อ "ผักสุขภาพ ภาษีเจริญ" ภายใต้มาตรฐานและการควบคุมคุณภาพผักของคณะกรรมการตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพผัก ด้วยกระบวนการที่ยึดหลักคุณธรรม และการมีส่วนร่วม (PGS, Participatory Guarantee Systems)เกษตรกรอยู่ได้ แม่ค้าไม่ขาดทุน ผู้บริโภคเข้าถึง สามารถตรวจสอบได้ทางวิชาการ มีการกำหนดราคาผักร่วมกันคือ ผักสุขภาพ ภาษีเจริญ 15 บาท ทุกรายการ เช่น ผักคะน้า ผักบุ้ง ผักกวางตุ้ง ฯลฯ ซึ่งเป็นผักที่มาจากเกษตรกรในเขตภาษีเจริญที่มั่นใจได้ว่าปลอดภัย
"อยากชวนคนเมืองมาปลูกผักกินเอง ซึ่งการมีพื้นที่จำกัดไม่ใช่อุปสรรคของการปลูกผัก หากเราปรับพื้นที่ให้เหมาะสม เช่น การปลูกผักคอนโด ผักลอยฟ้า ผักอุโมงค์หรือผักลอยน้ำ แค่พื้นที่ 1 ตารางเมตร ทุกครอบครัวสามารถผลิตผักได้ประมาณ 1 กิโลกรัม และยังได้สานสัมพันธ์ของคนในครอบครัว ด้วยกิจกรรมดี ๆ อีกด้วย" ผศ.ดร.กุลธิดา กล่าว
อำพัน เปลี่ยนวงษ์ เกษตรกรชาวภาษีเจริญ และสมาชิกศูนย์วิจัยเพื่อพัฒนาชุมชน (ศวพช.) มหาวิทยาลัยสยาม กล่าวว่า ผักบางชนิดราคาแพงมาก จนคนรายได้ต่ำไม่มีศักยภาพซื้อ แต่พอมีโครงการผักปลอดภัยเข้ามา ศวพช.ก็มีการจัดสรรพื้นที่มหาวิทยาลัยให้ชุมชนเข้ามาร่วมกันเพาะพืชผักทั่วไป เช่น ผักสลัด ผักชี ผักบุ้ง ฯลฯ มีผักหลายสิบชนิดที่เพาะเพื่อการบริโภคในชุมชน ขายในราคาถูก ทำให้ลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้มากถึง 100 บาทต่อวัน ซึ่งขณะนี้สมาชิกชุมชนที่ร่วมโครงการกับ ศวพช.ก็มีหลายคน เพราะต่างเห็นด้วยกับการบริโภคผักราคาไม่แพงและปลอดภัย โดยโครงการปลูกผักทั้งบนดินและในน้ำ ในเนื้อที่เล็ก ๆ แล้วจำหน่ายผักในราคาเริ่มต้นที่ 15 บาทเท่านั้น โดยในอนาคตอาจขยายโครงการให้ใหญ่ขึ้นในปีต่อไปได้
ด้านวัลลภา แวน วิลเลียนวาร์ด ผู้จัดการเครือข่ายตลาดสีเขียว ภาคีเครือข่าย สสส. กล่าวว่า จากข้อมูลช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การเติบโตของกรุงเทพฯ ส่งผลให้ตลาดใหญ่อย่างเช่น ตลาดไทย และตลาดสี่มุมเมือง มีการขนส่งผักมากถึง 5,000-7,000 ตันต่อวัน เพื่อกระจายผักไปยังส่วนต่าง ๆของกรุงเทพฯและปริมณฑล พบว่าระยะหลังคนไทยบริโภคผักเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งปัญหาของการบริโภคผักเศรษฐกิจนั้น ส่วนมากผู้บริโภคจะเสี่ยงต่อการรับสารพิษตกค้างในผักมากกว่าผักพื้นบ้านและผักตามฤดูกาล แต่จำเป็นต้องบริโภค เพราะสภาพสังคมเมือง ทำให้คนไทยอายุตั้งแต่ 19 ปีขึ้นไปนั้นมีความเสี่ยงป่วยเป็นโรคที่เกิดการบริโภคไม่ถูกสุขภาวะมากขึ้น สสส.มีความห่วงใยกรณีดังกล่าว จึงต้องเน้นการจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาวะ โดยสนับสนุนให้ชุมชนเมืองมีศักยภาพในการปลูกผักเพื่อรับประทานเอง และซื้อผักที่ทราบแหล่งที่มาชัดเจน เพราะสองประการนี้มีความปลอดภัยที่สุด
"เมื่อก่อนเขตภาษีเจริญ เป็นพื้นที่เกษตรทั่วไป แต่ต่อมามีโครงการบ้านจัดสรรเกิดขึ้นมากมาย คนที่นี่ต้องปรับตัว เพราะสังคมที่เปลี่ยนไป ส่วนตัวก็ไม่อยากให้เปลี่ยน แต่เมื่อเราหยุดการพัฒนาไม่ได้ เราต้องก้าวทัน สสส.จึงใช้โอกาสนี้เปิดตัวตลาดผักที่ดี เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ในการจัดสรรพื้นที่อย่างจำกัด ในเมืองปลูกผักรับประทานเอง ทำได้ทั้งในคอนโดฯ อพาร์ตเมนต์ บ้าน ซึ่งหากทุกคนทำได้ ก็จะช่วยให้คนเมืองมีสุขภาพที่ดีขึ้น" วัลลภา กล่าวทิ้งท้าย
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ