พัฒนา E.Q. ลูกน้อย กับ ค่าย `สมาคมอมยิ้ม`
การเลี้ยงลูกให้มีสุขภาวะที่ดี นอกจากจะมีร่างกายที่สมบูรณ์ แข็งแรงแล้ว ความฉลาดทางอารมณ์ (E.Q.) ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะหากเด็กเท่าทันอารมณ์ของตนเอง สามารถควบคุมอารมณ์ได้ และเข้าอก เข้าใจ ผู้อื่น ก็จะได้รับการยอมรับจากกลุ่มเพื่อน ปรับตัวได้ง่าย และว่าเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ก็เป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพและประสบความสำเร็จในชีวิต
เมื่อช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. ได้จัดค่ายปิดเทอม "Happy Kiddy Camp 2" ซึ่งจัดเป็นปีที่ 2 หลังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในปีที่ผ่านมา โดยวัตถุประสงค์ของค่ายจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้เด็กที่อายุระหว่าง 7-12 ปี เข้าร่วมทำกิจกรรมสร้างสรรค์ เพื่อการพัฒนาศักยภาพของตนเองด้านต่างๆณ ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส.โดยแบ่งการทำกิจกรรมออกเป็น 3 ค่ายให้เลือกเข้าร่วมตามความสนใจ คือ1."ค่ายเชฟกระทะเด็ก"เรียนรู้การทำอาหารให้อร่อยและมีประโยชน์ต่อร่างกาย 2.
"ค่ายสนามเด็กเล่น"สอนการเล่นเป็นทีม และท่าออกกำลังกายต่างๆและ 3."ค่ายสมาคมอมยิ้ม" เพื่อให้เด็กๆ ได้เรียนรู้อารมณ์ของตัวเอง สังเกตอารมณ์ของผู้อื่นและปรับตัวให้อยู่ร่วมกับสังคมอย่างมีความสุข
นายสมเกียรติ พริ้มแก้วประธานค่าย Happy Kiddy Camp เล่าให้ฟังถึงที่มาของ "ค่ายสมาคมอมยิ้มิว่าสังคมปัจจุบันมีผู้คนหลากหลายแบบการที่เราฝึกฝนความพร้อมด้านอารมณ์ให้แก่เด็กๆเพื่อพร้อมรับมือกับอนาคตนั้น จะทำให้เขาเหล่านั้นเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพและมีความสุขต่อไป ค่ายสมาคมอมยิ้มจึงเป็นฟันเฟืองเล็กๆที่จะทำให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมที่ช่วยให้พวกเขาเข้าใจบริบทของการอยู่ร่วมกันมากขึ้น
"น้องๆ จะได้เรียนรู้เรื่องอารมณ์พื้นฐาน 3 อย่างคือ ความโกรธ ความกลัว และความพึงพอใจรวมไปถึงการแยกแยะประเภทของอารมณ์บวกและลบ นอกจากนี้ยังจะได้เรียนรู้เรื่องการควบคุมอารมณ์ผ่านเกมที่สอดแทรกแนวคิดจิตวิทยาเช่นเกมเงาอารมณ์ ละครเพื่อการเปลี่ยนแปลงเป่ายิ้งฉุบเปลี่ยนร่าง โดยอารมณ์ด้านบวกที่เด็กๆจะได้เรียนรู้ ก็มีหลายด้าน ทั้งความดีใจ พอใจ ภูมิใจไว้ใจ ชอบ รัก สนุกสนาน ส่วนอารมณ์ด้านลบนั้นมีทั้งความเหงา สับสน โกรธ หงุดหงิด เศร้า ผิดหวังกลัว เป็นต้น เพื่อให้พวกเขารู้จักการควบคุม รักษาสมดุลทางอารมณ์ และรักษามิตรภาพระหว่างเพื่อนไว้"นายสมเกียรติ อธิบาย
ประธานค่าย Happy Kiddy Camp 3 บอกอีกว่า"เราให้น้องๆ ได้เรียนรู้ความรู้สึกผ่านเกมเงาอารมณ์โดยน้องแต่ละคนจะได้รับโจทย์ให้ทำท่าตามคำใบ้อารมณ์หลังฉากสีขาว แล้วให้เพื่อนในกลุ่มทายคำเหล่านั้น ซึ่งจะมีคำซ้ำกันอยู่จำนวนมาก โดยกิจกรรมจะสะท้อนถึงแนวคิดที่ว่า คนเราจะแสดงออกทางด้านอารมณ์ที่แตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นอารมณ์บวกหรือลบสำหรับอารมณ์ลบเป็นอารมณ์ที่แสดงออกมาแล้วทำให้ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้ ควรมีการเก็บอารมณ์ระงับความโกรธ แล้วควรแสดงอารมณ์ด้านบวกออกมาเพื่อการอยู่ร่วมกับเพื่อนในสังคมได้อย่างมีความสุขและเป็นที่รักของทุกคน"
ด้าน นางสุเนตร ต่อศรีเจริญ คุณแม่ลูก 2 ที่พาลูกๆ มาร่วมค่ายครั้งนี้เล่าว่า เธอและครอบครัวสนใจติดตามกิจกรรมสำหรับครอบครัวที่ สสส. จัดมาโดยตลอด จนกระทั่งได้ทราบข่าวเรื่องการจัดค่ายปิดเทอมของ สสส. จึงสนับสนุนให้ลูกทั้ง 2 คนมาเข้าค่ายทำกิจกรรมในครั้งนี้
"การเรียนในระบบโรงเรียนของลูกๆ นั้นค่อนข้างเน้นทางด้านวิชาการ เป็นหลัก แต่ส่วนตัวอยากให้ลูกได้เจอสังคมภายนอกและเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับเพื่อนนอกโรงเรียนด้วย เพราะถือเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันในการใช้ชีวิตให้กับลูก และค่ายนี้ยังได้ฝึกความกล้าแสดงออก และการทำงานเป็นทีมร่วมกับเพื่อนๆ ในค่ายด้วย" คุณแม่สุเนตรเล่าถึงเหตุผลที่พาลูกมาร่วมกิจกรรม
สำหรับ น้องบูม-ด.ช.จุลภัทร ตันติไชยบริบูรณ์ อายุ 7 ขวบ บอกว่าก่อนหน้านี้ได้มาร่วมกิจกรรมกับทางศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. ทั้ง 2 ค่ายซึ่งประทับใจมากจึงอยากมาทำกิจกรรมในค่ายสมาคมอมยิ้มซึ่งเป็นค่ายที่ 3
"บูมชอบค่ายสนามเด็กเล่นมาก ได้เล่นสนุกกับเพื่อนๆ ได้ออกกำลังกาย เจอเพื่อนเยอะแยะเลยขอคุณแม่ว่าอยากมาค่ายสมาคมอมยิ้ม แล้วบูมก็เจอเพื่อนใหม่หลายคนเลย" น้องบูมกล่าวอย่างอารมณ์ดี
รู้อย่างนี้แล้ว วันหยุดยาวๆ ครั้งหน้า อย่าลืมพาลูก จูงหลาน มาทำกิจกรรมดีๆ ที่ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ หรือ สถานที่ต่างๆ ที่เปิดโอกาสให้เด็กๆได้เรียนรู้ และเติบโตอย่างมีสุขภาวะกันนะ
ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง