พัฒนากีฬาต้องเริ่มจากพื้นฐาน
ที่มา : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพและอินเทอร์เน็ต
แฟ้มภาพ
กรมพลศึกษา ได้อธิบดีคนใหม่ชื่อ "นเร เหล่าวิชยา" เป็นคนที่ 27 ในการเข้ามานำ "ค่ายสามห่วง" เดินหน้าอย่างมั่นคงในวงการกีฬาไทย โดยมีเวลาทำงานเพียง 1 ปี ก่อนเกษียณอายุราชการ
นายนเร เหล่าวิชยา เกิดเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2500 เป็นชาวจ.พิจิตร ตำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก่อนย้ายเข้ามารับตำแหน่งอธิบดีกรมพลศึกษาคนใหม่เมื่อเดือนตุลาคม เพื่อต้องการเข้ามายกระดับกีฬาขั้นพื้นฐานและมวลชนของประเทศไทยให้ก้าวหน้า โดยงานระยะสั้นที่จะต้องเห็นผลเร็วๆ นี้ คือ สร้างอาสาสมัครผู้นำการออกกำลังกายให้มีมากขึ้น โดยจะทำงานร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกระทรวงสาธารณสุข เพิ่มจำนวนอาสาสมัครผู้นำออกกำลังกายให้ครบทุกหมู่บ้าน 78,000 แห่ง และหวังว่าจะมีคนที่สนใจหันมาออกกำลังกายเพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์
"กีฬาต้องพัฒนาจากพื้นฐาน" อธิบดีกรมพลศึกษาคนที่ 27 กล่าว สำหรับแผนการในระยะยาว นายนเร กล่าวว่า กรมพลศึกษา ได้ทำแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี ซึ่งจะเสร็จสมบูรณ์ในเร็วๆ นี้ โดยเน้นไปที่พื้นฐานการสร้างองค์ความรู้เป็นมาตรฐานซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาการกีฬาของชาติอย่างยั่งยืน
กรมพลศึกษามีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและส่งเสริมกีฬาเพื่อมวลชน รวมถึงกีฬาขั้นพื้นฐาน ซึ่งสิ่งสำคัญคือการสร้างบุคลากรขึ้นมา โดยเฉพาะในพื้นที่ท้องถิ่นซึ่งกระจายตัวทั่วประเทศ ดังนั้นจึงจัดให้มี 4 ภารกิจหลักโดยสถาบันพัฒนาบุคลากรการพลศึกษาและการกีฬา คือ นักบริหารจัดการกีฬา ผู้นำนันทนาการ ผู้ฝึกสอน และผู้ตัดสิน โดยนำวิทยากรที่ผ่านการฟุตบอล, ฟุตซอล, ตะกร้อ, วอลเลย์บอล, วอลเลย์บอลชายหาด, บาสเกตบอล, แบดมินตัน, กรีฑา, มวยไทยสมัครเล่น, วู้ดบอล, ปันจักสีลัต, รักบี้ฟุตบอล,วูซู, แฮนด์บอล, แฮนด์บอลชายหาด, เทเบิลเทนนิส, ยกน้ำหนัก และเปตอง ซึ่งเน้นไปยังพื้นที่ท้องถิ่นอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ กรมพลศึกษาดำเนินการร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมมาตรฐานผู้ฝึกสอนกีฬาและผู้ตัดสินกีฬา ซึ่งกำลังจะเป็นรูปเป็นร่าง เร็วๆ นี้ โดยนายนเร กล่าวว่า ทุกภาคส่วนได้เห็นความสำคัญในการส่งเสริมมาตรฐานของคนกีฬา การมีพระราชบัญญัติส่งเสริมมาตรฐานผู้ฝึกสอนกีฬาและผู้ตัดสินกีฬาจะทำให้การกีฬาของประเทศไทยได้รับการพัฒนาตั้งแต่การกีฬาขั้นพื้นฐาน กีฬามวลชนต่อยอดถึงกีฬาเพื่อความเป็นเลิศและกีฬาเพื่ออาชีพ ให้มีมาตรฐานได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ และสามารถพัฒนาศักยภาพให้สามารถแข่งขันกับนานาอารยประเทศได้อย่างเต็มภาคภูมิ
"ผู้ตัดสินกีฬาและผู้ฝึกสอนกีฬาเป็นรากฐานที่สำคัญในการพัฒนาการกีฬาของชาติ โดยเฉพาะเรื่องของจริยธรรม" อธิบดีกรมพลศึกษาป้ายแดงกล่าว
สำหรับปัญหาดั้งเดิมของกรมพลศึกษาคือการเช่าพื้นที่ของจุฬาลงกรณ์ ซึ่งปัจจุบันจุฬาฯ ได้พัฒนาพื้นที่โดยรอบสนามศุภชลาศัยอันเป็นสถานที่ตั้งของกรมพลศึกษานั้น นายนเร กล่าวว่า จุฬาฯ ไม่มีความคิดที่จะขอพื้นที่ที่กรมพลศึกษาเช่าอยู่แต่อย่างใด โดยจุฬาฯ ต้องการพื้นที่ในการสนับสนุนส่งเสริมเรื่องของกีฬาและการออกกำลังกายอยู่แล้ว และในขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างจัดทำแผนร่วมกันระหว่างจุฬาฯ และกรมพลศึกษา เพื่อพัฒนาร่วมกัน ในขณะเดียวกันกรมพลศึกษาก็ยังมีสถานที่อยู่ที่ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ คลอง 6 จ.ปทุมธานี และต้องฟังนโยบายของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและเสียงของประชาชนอีกด้วย ในการกำหนดทิศทางในอนาคตของกรมพลศึกษาต่อไป
1 ปีบนเก้าอี้อธิบดีกรมพลศึกษา "นเร เหล่าวิชยา" จึงเน้นไปที่การ "พัฒนาคน" อันเป็นการสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่สุด