พลังประชาสังคมเดินหน้ารุกงานช้างต้องปลอดเหล้า 100%

ลบล้างตราบาปกับวาทะกรรมคนสุรินทร์ต้องกินสุราให้ได้

 

พลังประชาสังคมเดินหน้ารุกงานช้างต้องปลอดเหล้า 100%

 

ประกาศศักดิ์ศรีคนเมืองช้างอีกครั้ง กับงานช้างและงานกาชาดปลอดแอลกอฮอล์ ปี 53 งานแรกในโลกที่คืนกำไรให้ผู้มาเยือนและเข้าชมการแสดงของช้าง โดยใช้หางบัตรเป็นส่วนลดในร้านอาหาร ร้านของที่ระลึกได้ทั้งเมือง แถมปลอดภัยไร้กังวล เพราะคนสุรินทร์พร้อมใจกันประกาศเขตปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเข้มงวด

 

นางวริศราลี แก้วปลั่ง ผู้ประสานงานประชาสังคมสุรินทร์สร้างสุข และผู้รับผิดชอบโครงการ งานช้างและงานกาชาดปลอดแอลกอฮอล์ เปิดเผยว่า จากการทำงานภาคประชาสังคมมานาน ได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของงานช้างที่นับวันจะแย่ลงทุกปี เพราะมีเหตุความรุนแรงที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตทุกปี ด้วยสาเหตุที่เกิดจากความเมา จึงได้จัดทำโครงการเชิงรุกเพื่อรณรงค์และปลุกจิตสำนึก ให้คนเมืองช้างร่วมสร้างสังคมที่งดงาม ลบล้างตราบาปกับวาทะกรรมที่ว่า คนสุรินทร์ต้องกินสุราฯ ให้หมดไปโดยใช้วาระงานช้างในการรณรงค์

 

“การดำเนินงานตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา มีอาสาสมัครเฝ้าสังเกตการณ์พบว่า ยังคงมีเหตุการณ์นองเลือดอยู่เป็นระยะ แต่ในปี 2552 ที่ผ่านมา มีการดำเนินงานเข้มข้นมากขึ้น นำโดยหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดสุรินทร์ สาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ สำนักประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์ สถาบันการศึกษาต่างๆ พร้อมทั้ง สมาคมวิทยุสมัครเล่นจังหวัดสุรินทร์ เครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคอีสาน โครงข่ายความร่วมมือกับสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (จ.สุรินทร์) ได้ร่วมกันขับเคลื่อนกิจกรรมรณรงค์ เฝ้าระวังตลอดระยะเวลาของการจัดงานช้างและงานกาชาดอย่างจริงจัง” นางวริศราลี กล่าว

 

ทั้งนี้ มีสมาคมพัฒนาเครือข่ายองค์กรชุมชน เป็นแกนนำหลักในการรับผิดชอบ และประสานงานโครงการ มีอาสาสมัครเข้าร่วมจากทุกภาคส่วนของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มเยาวชนอนาคตของชาติ รวมถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของการสื่อสาร จากสมาคมนักวิทยุสมัครเล่นจังหวัดสุรินทร์ ที่เป็นกำลังสำคัญในการเฝ้าระวังภัย อันจะเกิดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และได้รับการสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่ จากกองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ในการปฏิบัติงาน และดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิด เมื่อได้รับแจ้งเหตุจากอาสาสมัครฯ ตลอดระยะเวลาของการจัดงาน ทำให้งานช้างและงานกาชาดเมื่อปี 2552 ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต มีเพียงผู้กระทำความผิดและถูกจับกุมในคดีทะเลาะวิวาท เมาสุรา จำหน่ายสุรา และมีอาวุธเพียงไม่กี่ราย

 

สำหรับปี 2553 นี้ ถือเป็นปีที่ 2 ของการดำเนินงานแบบรวมพลังชาวสุรินทร์ และบูรณาการกันอย่างจริงจัง โดยมีคำสั่งจาก นายเฉลิม พรหมเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และนโยบายลดอุบัติเหตุบนท้องถนนของ พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ เป็นนโยบายสาธารณะ และเป็นวาระสำคัญของจังหวัดสุรินทร์ ประกอบกับการบังคับใช้พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้คณะทำงานประชาสังคมสุรินทร์สร้างสุข ได้เข้ามามีบทบาทในการดูแลความสงบเรียบร้อยของการจัดงาน โดยการประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันปฏิบัติงาน

 

การดำเนินงานเบื้องต้น มีกิจกรรมการอบรมอาสาสมัคร จำนวน 100 คน เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในการออกสำรวจร้านค้า แผงลอย ในบริเวณงาน ป้องกันการแอบจำหน่ายสุรา ซึ่งประกอบด้วยอาสาสมัครจากเครือข่ายองค์กรเยาวชน นักวิทยุสมัครเล่น และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมทำงานกันเป็นทีม คอยเฝ้าระวังและสังเกตการณ์แบบปูพรม เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้ลักลอบดื่ม หรือจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบริเวณงาน ปฏิบัติงานสลับกันวันเว้นวัน โดยมิสวัสดิการ เช่น เบี้ยเลี้ยง ประกันอุบัติเหตุ เสื้อทีม และการจัดอาหารมื้อเย็นและรอบดึกทุกวัน

 

นอกจากนั้น ยังมีการออกร้าน แสดงนิทรรศการ ผลงาน และการจัดกิจกรรมสันทนาการ แก่ผู้เข้ามาเที่ยวชมงาน การรับสมัครคนต้นแบบเลิกเหล้าตลอดชีวิต เพื่อรวบรวมและนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2553 และจะมีการมอบใบประกาศเกียรติคุณ คนต้นแบบเลิกเหล้าตลอดชีวิต ถวายพ่อของแผ่นดิน ในงานมหกรรมสุรินทร์สร้างสุข ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ในวันที่ 1-5  ธันวาคม 2553 ที่บริเวณเวทีวัฒนธรรมลานเชียงปุม หน้า อบจ.สุรินทร์

 

สำหรับกิจกรรมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ จะมีการถ่ายทอดเสียงรายงานบรรยากาศสดๆ จากบริเวณงานช้างและงานกาชาด ผ่านวิทยุประชาสังคมสุรินทร์สร้างสุข ทาง internet ที่ www.surinrelations.org และมีชมรมวิทยุกระจายเสียง จังหวัดสุรินทร์ รับสัญญาณออกอากาศทุกอำเภอ พร้อมทั้ง เครือข่ายสื่อภาคประชาชนอีกหลายสถานีทั่วประเทศ ที่พร้อมจะเชื่อมสัญญาณทางอินเทอร์เน็ตด้วย

 

นางวริศราลี แก้วปลั่ง เล่าว่า มูลเหตุที่มาของตราบาปที่ติดตัวคนสุรินทร์มานาน เริ่มจากในอดีตที่ผ่านมากว่า 20 ปีที่แล้ว จังหวัดสุรินทร์ ได้มีโรงงานกลั่นสุราขาว ของตระกูลตั้งฮั้ว ตั้งอยู่บริเวณลำน้ำห้วยชี ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งมีการส่งออกไปจำหน่ายในหลายจังหวัด ทำให้การจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ทะลุเป้าสูงสุดในประเทศ ทำให้สังคมไทยมีความเข้าใจว่าคนสุรินทร์ เป็นผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์มากที่สุด ติดอันดับต้นๆ ในระดับเทศ ประกอบกับสื่อมวลชนมีการโฆษณา โดยใช้วาทะกรรมเชิญชวนให้คนสุรินทร์ดื่มสุรา ว่า คนสุรินทร์ต้องกินสุรา ถ้าไม่กินสุราเป็นหมาสุรินทร์ ทำให้คำพูดคำนี้ ติดหูคนฟังมานาน ทั้งๆ ที่คนสุรินทร์ ก็มีคุณธรรมจริยธรรม มีวัฒนธรรมที่งดงามไม่แตกต่างจากชาวอีสานทั่วไป

เพียงคำพูดไม่กี่คำ กลับเป็นตราบาปให้กับลูกหลานชาวสุรินทร์ ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหน คำพูดต่อท้ายเมื่อรู้ว่าเป็นคนสุรินทร์ ก็มักจะไม่พ้นคำพูดเชิงดูหมิ่นจากคนพูดทุกครั้ง จะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ความอัปยศก็ติดตัวคนสุรินทร์ไปทุกพื้นที่ ประกอบกับงานประจำปีที่มีชื่อเสียงระดับโลก อย่างงานช้างและงานกาชาด ในแต่ละปี ก็มีเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดจากการดื่มสุรา เหมือนกับจังหวัดอื่นๆ ที่วัยรุ่นดื่มเหล้า หรือเบียร์ เมาแล้วก่อเหตุทะเลาะวิวาท หรือเกิดอุบัติเหตุ ทำให้ผู้คนที่บริสุทธิ์ ต้องพลอยรับเคราะห์ สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินมาทุกปี ภาคประชาสังคมจังหวัดสุรินทร์ จึงได้มีแนวคิดที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหาและลบล้างตราบาปอย่างจริงจัง สร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการรวมตัวกันของคนที่รักศักดิ์ศรีเกียรติภูมิท้องถิ่นอย่างบูรณาการ

 

พลังประชาสังคมเดินหน้ารุกงานช้างต้องปลอดเหล้า 100%

 

ทั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจาก เครือข่ายองค์กรงดเหล้า และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่สนับสนุนงบประมาณให้จังหวัด ทดแทนบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เคยได้รับ อีกทั้งจัดสรรงบประมาณให้แก่ภาคประชาสังคม ได้มีโอกาสทำงานควบคู่ไป ในขณะเดียวกัน ยังเป็นแบบอย่างที่ดี และมีฐานข้อมูลที่เพียบพร้อม ในการที่จะดำเนินการต่อในพื้นที่อื่นๆ และในโอกาสต่อๆ ไปอีกด้วย 

 

แผนการขยายผล ประชาสังคมสุรินทร์สร้างสุข มีโครงการที่จะจัดกิจกรรมในงาน มหกรรมสุรินทร์สร้างสุข เพื่อบอกเล่าเรื่องราวสู่สาธารณะชน ในระหว่างวันที่ 1-5 ธันวาคม 2553 ณ บริเวณลานเชียงปุม องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ และจัดกิจกรรมสัญจร เพื่อปลุกจิตสำนึกแก่เยาวชนในพื้นที่ ที่ยังพบว่ามีผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต่อไป

 

 

 

 

ที่มา : ศูนย์ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า ภาคอีสานตอนล่าง

 

update : 10-11-53

อัพเดทเนื้อหาโดย : ศิรินทิพย์ อิสาสะวิน

 

 

Shares:
QR Code :
QR Code