พลังงานทางเลือก หนึ่งตัวช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม

เน้นใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า พึ่งพาตนเอง

 

พลังงานทางเลือก หนึ่งตัวช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม

วันที่ 5 มิถุนายนของทุกปี ถือเป็นวันสำคัญของโลกอีกหนึ่งวัน นั่นคือ วันสิ่งแวดล้อมโลกหรือ“World Environment Day” ซึ่งวันสิ่งแวดล้อมโลกถูกกำหนดขึ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2515 หรือเมื่อราว 38 ปีที่ผ่านมา โดยได้ทำการจัดการประชุมที่เรียกว่า การประชุมสหประชาชาติเรื่องสิ่งแวดล้อมณ กรุงสตอกโฮม ประเทศสวีเดน เพื่อให้ทุกประเทศมีความตื่นตัวเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ภายใต้การกำกับดูแลของ องค์การสหประชาชาติ

 

ส่วนในประเทศไทย มีการตรากฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมขึ้นในปี 2518 เป็นฉบับแรก เรียกว่า พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พุทธศักราช 2518 ต่อมาได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติฯ ฉบับที่ 2 ปี พ.ศ.2521 และแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 3 พ.ศ.2522 ต่อมาในสมัยรัฐบาลของนายอานันท์ ปันยารชุน ได้มีร่างพระราชบัญญัติฯ ขึ้นใหม่ โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน2535 เรียกว่า พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กรมควบคุมมลพิษ และกรมพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม…

       

ทุกวันนี้เราคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยกำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤติ… ส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมของมนุษย์ไม่ว่าจะทั้งทางตรงหรือทางอ้อมก็ตามโดยจะเห็นได้จากสภาพอากาศที่แปรปรวนผิดปกติ ไหนจะปัญหาโลกร้อนที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นในรอบหลายปีที่ผ่านมา อีกทั้งในหลายจังหวัดยังประสบกับปัญหาความแห้งแล้ง เขื่อนใหญ่ๆ หลายที่มีปริมาณน้ำลดลง รวมถึงปริมาณน้ำในแม่น้ำธรรมชาติที่กำลังแห้งเหือด…นี่อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกและกระตุ้นให้คนทั่วโลกหันมาใส่ใจกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกันอย่างจริงจังเสียที

 

ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบน โลก ใบนี้ ทำให้หลายหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือภาคเอกชนไม่อาจจะนิ่งเฉยต่อสภาวะวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นได้ ต่างแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างจริงจัง หนึ่งในทางออกเหล่านั้นคือ การใช้พลังงานทางเลือก เพื่อลดปัญหาการทำลายสิ่งแวดล้อม

เช่นเดียวกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ที่ต้องการร่วมปกป้องโลกใบนี้ให้มีสิ่งแวดล้อมที่น่าอยู่ต่อไป จึงได้จัดแผนงานสนับสนุนโครงการเปิดรับทั่วไป มีโครงการวิจัยและพัฒนาพลังงานทางเลือกเพื่อสุขภาพในชุมชนขึ้นอย่างหลากหลาย

 

รองศาสตราจารย์ นพ.กำจร ตติกวี รองประธานคณะกรรมการบริหารแผนงานสนับสนุนโครงการทั่วไปและนวัตกรรม สสส. กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังประสบปัญหาวิกฤตธรรมชาติ จากการใช้พลังงานของมนุษย์ ส่งผลทำให้อุณหภูมิบนโลกของเราสูงขึ้น อากาศเกิดการเปลี่ยนแปลง การเลือกใช้พลังงานทางเลือกที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในตอนนี้ อีกทั้งยังเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

 

โครงการปฏิรูปพลังงานทางเลือกที่ สสส.ให้การสนับสนุน จะเน้นเรื่องการพึ่งพาตนเองทั้งในครอบครัว ชุมชน และระดับชาติ และการพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติที่ไม่มีผลกระทบทางลบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการจัดการร่วมกันอย่างชาญฉลาดของประชาชนในสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพลังงานทางเลือกหรือพลังงานทดแทนเพื่อสุขภาวะในชุมชน เพื่อค้นคว้าและส่งเสริมให้มีการใช้ได้จริงอย่างเป็นรูปธรรม” นพ.กำจรกล่าว

 

          เช่นเดียวกับนโยบายการขับเคลื่อนรณรงค์ ของ ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการ สสส. คนปัจจุบันที่จะร่วมสร้างประเทศไทยให้น่าอยู่ที่สุดในโลก โดยการเริ่มต้นที่ตัวเราก่อนเป็นอันดับแรก  ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเอง เพื่อนำไปสู่ครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศ จนในที่สุดก็จะสามารถเปลี่ยน

 

สิ่งที่คนไทยทุกคนสามารถช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมได้ เริ่มจากสร้างนิสัยประหยัดทรัพยากร โดยช่วยกันประหยัดสิ่งที่อยู่รอบๆตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นไฟ น้ำ ต่อด้วยการสร้างความคิดและรู้คุณค่า เพื่อประโยชน์สูงสุด วิธีการต่อมา ควรสร้างหัวใจรักสิ่งแวดล้อม ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า ไม่ตัดไม้ทำลายป่า ไม่ทำอะไรที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ ทางน้ำและเสียงโดยเด็ดขาด และควรสร้างพฤติกรรมใหม่ ด้วยการใช้ถุงผ้า ลดขยะพลาสติก เพราะนอกจากจะรักษาสิ่งแวดล้อมแล้วยังช่วยลดโลกร้อนได้อีกด้วย..ที่สำคัญหากทุกคนช่วยกันปลูกต้นไม้คนละต้น เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว เพียงเท่านี้สิ่งแวดล้อมก็จะอยู่กับเราไปอีกนาน

 

            เห็นแล้วว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อมไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่งที่จะต้องแก้ไข หากแต่ถือเป็นหน้าที่ของทุกๆ คน ที่จะต้องร่วมมือกันอนุรักษ์ เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาในอนาคต

 

 

 

 

 

ที่มา : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่ Team content www.thaihealth.or.th

 

 

Update: 04-06-53

อัพเดทเนื้อหาโดย : ณัฏฐ์ ตุ้มภู่

Shares:
QR Code :
QR Code