พระนักพัฒนาวอนรัฐบาล ห้ามขายเหล้าวันพระใหญ่
เสนอ 3 มาตรการเร่งด่วน
เมื่อเร็วๆ นี้ เครือข่ายองค์กรพระสงฆ์นักพัฒนา 13 องค์กรทั่วประเทศ ได้ออกมาเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความคืบหน้าถึงมาตรการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา โดยทำหนังสือระบุว่า กรณีที่คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ซึ่งมี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ไม่ให้ความสำคัญกับการออกมาตรการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ด้วยเหตุผลอันเบาหวิวว่าจะกระทบกับเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยไม่มีข้อมูลทางวิชาการสนับสนุน ซึ่งผลที่ตามมาก็พิสูจน์ชัดแล้วว่า มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรทางบก 368 ศพ
นั่นหมายความว่า เป็นความชอบธรรมอย่างยิ่งหากญาติพี่น้องของผู้สูญเสีย จะทวงถามความรับผิดชอบ จากการตัดสินใจของฝ่ายนโยบายที่สวนทางกับความต้องการของประชาชน ซึ่งมีหลายสำนักโพลล์ออกมายืนยันว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับมาตรการนี้
หลังจากสงกรานต์ผ่านพ้น คณะกรรมการนโยบายฯ ชุดเดียวนี้ ก็ยังไม่มีผลงานอะไรออกมา แม้จะมีข้อเสนอให้ออกมาตรการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ได้แก่ วันมาฆบูชา วิสาขบูชา อาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ซึ่งในเรื่องนี้แทบจะไม่ได้ยินเสียงคัดค้านใดๆ และที่สำคัญมติของคณะกรรมการนโยบายฯ ได้ให้ความเห็นชอบไว้แล้วในหลักการ และเตรียมเสนอนายกรัฐมนตรีลงนาม แต่เรื่องดังกล่าวกลับถูกขอให้ทบทวนกันใหม่อีกครั้ง จนถึงวันนี้ มาตรการที่จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมไทย จึงมีแนวโน้มที่เป็นไปได้ยากยิ่ง
จนภาคประชาชนได้ข้อสรุปว่า มาตรการใดๆ ที่กระทบกับธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คงไม่เกิดขึ้นเลยในรัฐบาลชุดนี้ แต่ยังดีที่กระทรวงการคลังได้ตัดสินใจขึ้นภาษีบาป แม้จะถูกค่อนขอดว่ามิได้มีความจริงใจในการลดการบริโภค เป็นการเร่งหาเงินเฉพาะหน้า แต่สิ่งที่เครือข่ายฯ ให้ความสนใจมากกว่า และเชื่อว่าผลที่จะเกิดขึ้นตามมานอกเหนือจากเรื่องเม็ดเงิน คือการลดการบริโภค ลดผลกระทบ และลดภาระด้านสาธารณสุข เพราะแม้แต่องค์การอนามัยโลกเอง ยังให้ความสำคัญต่อมาตรการทางภาษี ในลำดับต้นๆ ในขณะที่ธนาคารโลกเองก็ยืนยันว่ายิ่งควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ดีแค่ไหนก็จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคมมากเท่านั้น
ในเดือนกรกฎาคมนี้ ก็จะมีวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาติดกัน 2 วัน คือ วันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา เครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนา 13 องค์กร ซึ่งได้รณรงค์ร่วมกับภาคประชาชนอย่างต่อเนื่องจนรู้สึกถึงการร่วมไม้ร่วมมือ ทำให้คณะสงฆ์อุ่นใจและการทำงานก็ได้ผลมากขึ้น จากแต่เดิมที่คณะสงฆ์ดำเนินการอย่างโดดเดี่ยว จึงเห็นว่าเป็นช่วงเวลาที่ทุกฝ่ายจะได้ทบทวน และเชิญชวนกันมาสร้างบุญ สร้างกุศล โดยเฉพาะคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ และนายกรัฐมนตรี ควรรีบตัดสินใจในขณะที่ยังมีโอกาส เร่งดำเนินการดังต่อไปนี้
1.ช่วยให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางพระพุทธศาสนา ด้วยธรรมสาระ ประกาศให้วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา คือวันมาฆบูชา วิสาขบูชา อาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา เป็นวันห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเริ่มต้นจากวันอาสาฬหบูชา ที่จะมาถึงในวันที่ 7 กรกฎาคมนี้
2.รัฐบาลควรเร่งประชาสัมพันธ์ รณรงค์ให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการงดดื่ม ในวันเข้าพรรษาซึ่งเป็นวันงดดื่มสุราแห่งชาติ ตามมติคณะรัฐมนตรี โดยรัฐมนตรีที่รับผิดชอบดูแลงานด้านสังคมและสำนักงานพระพุทธศาสนา ควรเป็นแบบอย่างและเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศงดดื่มในวันงดดื่มสุราแห่งชาติ
3.เร่งทบทวน ประกาศห้ามการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในเทศกาลที่มีวันหยุดยาว เพื่อลดอุบัติเหตุ และผลกระทบอื่นๆ อีกมากมาย
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
Update 12-06-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : อารยา สิงห์สวัสดิ์