พบผู้ป่วยหวัด 2009 เป็นไข้สมองอักเสบ
พบไทยป่วยแล้วไม่ต่ำกว่า 4 ราย
หมอจุฬาฯ เตือน “หวัด 2009” ทำให้เกิดโรคไข้สมองอักเสบ พบไทยป่วยแล้วไม่ต่ำกว่า 4 ราย ชี้ระวังวัคซีนทำให้คนมีโรคประจำตัวเสี่ยงเสียชีวิต เกิด “โรคจีบีเอส”
ด้าน ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลกไวรัสสัตว์สู่คน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การที่โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ชะลอตัวลงในช่วงนี้อย่าเพิ่งดีใจ เพราะข้อมูลการระบาดในอดีตการเกิดระลอกที่ 2 ไม่ได้เกิดขึ้นใน 2 เดือน อาจจะเกิดขึ้นใน 7 เดือน หรือ 1 ปี ก็ได้ และไม่จำเป็นต้องเป็นหน้าหนาว หน้าร้อนก็เกิดได้ และผู้ที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 อาจกลับมาป่วยซ้ำอีกครั้ง
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวต่อว่า คำถามที่ว่าใครควรจะได้รับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 นั้น พบว่าในต่างประเทศ อาทิเช่น สหรัฐ ยุโรป หรืออังกฤษ จะให้ความสำคัญกับคนที่แพร่เชื้อเก่ง หรือคนที่ได้รับเชื้อแล้วติดเชื้อง่าย คือ คนอายุตั้งแต่อายุ 6 เดือนไปจนถึง 24 ปี ซึ่งกลุ่มนี้อัตราการเสียชีวิตไม่มาก แต่ควรจะได้รับวัคซีน
นอกจากนี้ พบว่าผู้ที่ป่วยด้วยโรคไข้หวัด 2009 ยังเสี่ยงต่อภาวะโรคไข้สมองอักเสบแทรกซ้อนด้วย ซึ่ง 2 เดือนที่ผ่านมา ในไทยมีผู้ป่วยด้วยโรคไข้สมองอักเสบจากไข้หวัด 2009 ไม่ต่ำกว่า 4 รายป่วยด้วยโรคนี้และพบว่า มีผู้ป่วยมีอาการไข้สมองอักเสบจากโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลถึง 2 ราย เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ผลข้างเคียงของวัคซีนที่อาจเกิดขึ้นได้ คือ โรคจีบีเอส หรือโรคปลายประสาทอักเสบทำให้เกิดอัมพาต ซึ่งสาเหตุอาจเกิดจากมีการปนเปื้อนในวัคซีน ทำให้วัคซีนดังกล่าวมีการรวมตัวกันของสารประกอบบางตัวคล้ายสารไขมันในเส้นสมองหรือเส้นประสาท ซึ่งในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในสหรัฐ จำนวน 46.2 ล้านคน พบว่ามีผู้เสียชีวิตจำนวน 13 ราย ซึ่งล้วนแต่มีโรคประจำตัว ชี้ให้เห็นว่าคนที่มีโรคประจำตัวอาจจะได้รับผลแทรกซ้อนจากการฉีดวัคซีนหรือเสียชีวิตได้ง่าย และพบว่า 10 ราย เป็นโรคจีบีเอส
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวอีกว่า จากการรายงานการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-7 ก.ย.ที่ผ่านมา พบว่ามีผู้เสียชีวิต 15 ราย ส่วนใหญ่ผู้เสียชีวิตมีโรคประจำตัว และเป็นผู้สูงอายุทั้งหมด บางรายเสียชีวิตทันทีภายใน 5 นาที หรือบางรายมีอาการแทรกซ้อนเกิดขึ้นหลังฉีดวัคซีนแล้ว 4 ชม.และเสียชีวิตหลังจากนั้น 3 วัน นอกจากนี้ ผู้สูงอายุบางรายที่ได้รับวัคซีนบางรายมีอาการอัมพฤกษ์ ชัก ปวดหัว ปวดตามกล้ามเนื้อ หอบ และหัวใจวายในที่สุด
“ในการฉีดวัคซีนที่ไทยสั่งซื้อจำนวน 2.8 ล้านโด๊ส สิ่งที่ต้องคำนึงถึง คือ การฉีดวัคซีนจะทำให้โรคประจำตัวกำเริบหรือไม่ ในเดือน ม.ค.นี้ การเริ่มฉีดอยากแนะนำว่า อย่าละเลยความเสี่ยงอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง หลังการให้วัคซีนแก่ผู้สูงอายุ”
นพ.วิชัย โชควิวัฒน ประธานกรรมการบริหารองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคน สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) กล่าวว่า ในอาสาสมัคร 24 ราย ว่า ครบ 72 ชั่วโมงของการทดลองวัคซีนแล้ว ปรากฏว่ามีอาสาสมัครอีก 3 ราย ที่เริ่มมีอาการผลข้างเคียงจากการพ่นวัคซีน โดยก่อนหน้านี้ พบผู้มีอาการข้างเคียงใน 48 ชั่วโมงแรก 2 ราย รวมเป็น 5 ราย อาการที่พบ คือ จมูกแดง บวม มีเสมหะ เจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระบอกตา มีน้ำมูก แต่ไม่มีอาการไข้ อาการเหล่านี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีในการทดลอง แต่ยังสรุปไม่ได้ต้องรอผลจากห้องปฏิบัติการยืนยันอีกครั้ง
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
Update 22-12-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : อารยา สิงห์สวัสดิ์