ที่มา: สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์

แฟ้มภาพ

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์คาดการณ์ในห้วงระยะนี้จะมีปริมาณฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องทำให้ข้าวที่รอการเก็บเกี่ยวมีน้ำเพียงพอต่อการเพาะปลูก

          นายพีรพันธ์ คอทอง รองโฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงการเตรียมการรับมือภัยแล้งที่เกิดขึ้นในห้วงที่ผ่านมาว่า ในห้วง3เดือนต่อจากนี้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม2562จากการประกาศสภาพอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาในภาคเหนือปริมาณฝนจะอยู่ที่ประมาณ415-500มิลลิเมตรภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ที่ประมาณ515-635มิลลิเมตรส่วนภาคกลางอยู่ที่ประมาณ431มิลลิเมตรภาคใต้ประมาณกว่า900มิลลิเมตร

          สำหรับการคาดการณ์ภูมิอากาศต่อจากนี้ จะมีปริมาณฝนอยู่ในระดับที่ดีพอสมควรส่วนน้ำต้นทุนอยู่ที่ประมาณกว่า1,300ล้านลูกบาศก์เมตรในภาพรวมของทั้งประเทศโดยในลุ่มเจ้าพระยาซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการปลูกข้าวตอนนี้มีน้ำต้นทุนอยู่ที่ประมาณกว่า4,000ล้านลูกบาศก์เมตรถ้าฝนตกลงมาตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ก็จะทำให้น้ำต้นทุนมีเพิ่มมากขึ้น

          สำหรับข้อกังกวลเกี่ยวกับข้าวที่ปลูกจะเกิดความเสียหายหรือไม่อย่างไรนั้นขณะนี้มีข้าวที่รอการเก็บเกี่ยวทั้งประเทศประมาณ1ล้าน9แสนไร่ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือเข่นจังหวัดเชียงรายเชียงใหม่ลำพูนลำปางอุตรดิตถ์เป็นต้นซึ่งทางกรมชลประทานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการติดตามตั้งแต่ต้นฤดูกาลแล้วซึ่งจะดูแอย่างต่อเนื่องและเชื่อมั่นว่าข้าวที่เหลือจะสามารถเก็บเกี่ยวได้

          สำหรับข้าวโพดที่อยู่ในระบบปกติและข้าวโพดที่อยู่ในโครงการของกระทรวงเกษตรฯทั้งหมด8แสนไร่นั้นขณะนี้ที่เหลืออีกไม่กี่แสนไร่ที่จะดำเนินการเก็บเกี่ยวเท่านั้นณวันนี้ยังไม่มีการจ่ายค่าชดเชยด้านการประกันภัยทั้งข้าวโพดและข้าว

          อย่างไรก็ตามวันนี้มีการประกาศเขตภัยพิบัติของปภ.ทั้งหมด7จังหวัดโดยมีเพียง1จังหวัดที่มีความเสียหายด้านการเกษตรคือจังหวัดพิษณุโลกโดยทางกระทรวงเกษตรฯได้เตรียมการชดเชยช่วยเหลือชาวเกษตรกรที่ได้รับความเสียหาย17,000ไร่และได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปสำรวจตรวจสอบความเสียหายและจะนำไปสู่การจ่ายเงิยชดเชยต่อไป

          สำหรับการปลูกข้าวในลุ่มภาคกลางจะเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมนี้เนื่องจากมีน้ำต้นทุนในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาอยู่ประมาณ4,000ล้านลูกบาศก์เมตรประกอบกับในห้วงระยะ2-3วันนี้จะมีฝนตกลงมาอย่างค่อเนื่องซึ่งจะทำให้น้ำต้นทุนในลุ่มน้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นซึ่งก็จะมีน้ำรองรับการปลูกข้าวในช่วงแรกนี้อย่างพอเพียง