“ผู้หญิงยุคใหม่” รู้เท่าทันโรคภัย 3 ช่วงวัย
หมั่นสังเกตความผิดปกติของร่างกาย
“อายุยังไม่มาก เราคงไม่เป็นไรหรอก รอไว้แก่ๆ ค่อยดูแลตัวเองก็ได้” ความคิดเหล่านี้เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผู้หญิงเราละเลยใส่ใจสุขภาพของตนเอง ทั้งที่ความจริงแล้วผู้หญิงทุกคนมีสิทธิ์เป็นโรคต่างๆ ได้ง่ายกว่าผู้ชายหลายเท่า ฉะนั้นไม่ว่าจะอายุเท่าไรผู้หญิงควรดูแลตัวเองและระวังโรคภัยที่อาจเกิดขึ้นทุกๆ วัน
โดยเฉพาะในผู้หญิงอายุ 20 ปีขึ้นไป เรียกได้ว่าเป็นช่วงเริ่มต้นการทำงาน ได้พบเจอสังคมใหม่ ทุกก้าวของชีวิตจึงอัดแน่นไปด้วยตารางการทำงาน เดินออกจากบ้านก็ต้องสัมผัสกับฝุ่นละออง มลพิษทางอากาศหรือแม้แต่การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ล้วนเสี่ยงต่อการตกเป็นเป้าของโรคร้ายนานาชนิดได้ ไม่ว่าจะเป็น…
“โรคภูมิแพ้จมูกอักเสบ” หรือโรคแพ้อากาศ สังเกตความเจ็บป่วยได้ง่ายๆ หากมีอาการคันจมูก จาม มีน้ำมูกไหลเป็นๆหายๆอยู่ตลอดเวลา บางครั้งอาจเกิดจากการแพ้ละอองเกสรของพืชบางชนิด อาการจะเป็นมากหลังได้รับสารที่แพ้โดยตรงหรือในยามที่ร่างกายอ่อนแอ หากป่วยเป็นโรคนี้ต้องระวังอาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ นอนกรนหยุดหายใจขณะหลับ มีอาการไอเรื้อรัง เป็นต้น
ได้รู้แบบนี้สาวๆ อย่าเพิ่งตกใจไปเราดูแลป้องกันตัวเองได้ง่ายๆ เพียงหมั่นใส่ใจสุขภาพสวมผ้าปิดจมูกทุกครั้งที่ออกจากบ้านถ้าไม่ยากสัมผัสกับมลพิษ หรือทานวิตามินซีเพื่อลดภูมิแพ้ทางจมูก ในผู้ที่มีอาการเจ็บป่วย สิ่งสำคัญอย่าลืมทำความสะอาดที่นอนให้ปลอดไร่ฝุ่น และหาเวลาว่างออกกำลังกายเพิ่มภูมิคุ้มกันต้านทานเชื้อโรคร้าย
โรคต่อมาที่ผู้หญิงวัยนี้ต้องระวังนั่นคือ “โรคแผลในกระเพาะอาหาร” ภัยเงียบที่มักแอบแฝงมากับความต้องการอยากลดน้ำหนัก ของสาวๆ ที่กลัวอ้วน เมื่อเป็นโรคนี้แล้วจะมีอาการปวดท้องขั้นรุนแรง ในบางรายถ้าทนอาการเจ็บป่วยไม่ไหวอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ หากไม่ต้องการเป็นโรคนี้ต้องรับประทานอาหารให้ตรงเวลาหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มมึนเมาที่สำคัญต้องทานให้ครบทั้ง 5 หมู่ เพื่อป้องกันการขาดสารอาหาร..
สำหรับผู้มีอาชีพทำงานเกี่ยวข้องกับการยืนนานๆ หรือยกของหนัก เห็นจะหนีไม่พ้น “โรคเส้นเลือดขอด” ที่เกิดจากความผิดปกติของลิ้นเล็กๆ ภายในหลอดเลือดดำ ไม่สามารถกั้นการไหลย้อนกลับของเลือดได้ จึงทำให้ เลือด ไหลย้อนลงมาคั่งอยู่ในหลอดเลือดส่วนปลายด้านล่างของเข่า จนเห็นเส้นเลือดโป่งพองเป็นสีคล้ำ ๆ มีอาการปวดเมื่อยตามน่องเข่า เนื่องจากเลือดดำที่โป่งพองผิดปกติ ทำให้เกิดเส้นเลือดพองบริเวณขาหนีบผิวหนังเปลี่ยนสีเป็นจุดๆ และมีเส้นเลือดฝอยมากขึ้น ถ้าเส้นเลือดขอดแตกอาจมีเลือดออกใต้ผิวหนังเป็นแผลถลอกเป็นแผลเรื้อรังหรืออาจเป็นมะเร็งผิวหนังได้
โดยทั่วไปแล้วโรคนี้มักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชายประมาณ 3 เท่า ที่สำคัญคนอ้วนรวมทั้งหญิงมีครรภ์มักมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้มากกว่าคนทั่วไป
วิธีการป้องกันควรหลีกเลี่ยงการยืน หรือนั่งห้อยเท้านานๆ พยายามนั่งหรือนอนยกเท้าสูงเพื่อช่วยให้เลือดไหลเข้าสู่หัวใจดีขึ้น ส่วนในคนอ้วนนั้นต้องหันมาควบคุมอาหาร ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้น้ำหนักตัวลดลง เป็นการป้องกันไม่ให้เท้ารับน้ำหนักตัวที่มากเกินไปลดความเสี่ยงของการเป็นโรคดังกล่าวได้
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของโรคภัยใกล้ตัวสาววัยยี่สิบที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน ถ้าไม่ยากเป็นหนึ่งในผู้ที่ประสบกับอาการเจ็บป่วยเหล่านี้ อย่ามั่วแต่ใส่ใจกับการทำงานจนหลงลืมดูแลสุขภาพของตัวคุณเอง
จากสาววัยทำงานก้าวสู่ช่วงใช้“ชีวิตคู่”อายุล่วงเลยผ่านเข้าสู่วัย 30 ต้องรับบทเพิ่มเป็นทั้งภรรยาและแม่ของลูกในเวลาเดียวกัน ร่างกายที่ผ่านการใช้งานมานานนับปีย่อมสึกหรอไปตามเวลา การไม่มีลูกหรือมีลูกในช่วงวัยนี้จึงเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงของผู้หญิง มีโอกาสเป็น “โรคมะเร็งเต้านม” ซึ่งในหญิงไทยมะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุด
โดยมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้นนั้นมักจะไม่มีอาการเจ็บ ทำให้ผู้หญิงเราไม่รู้ตัวว่าก้อนเนื้อเกิดขึ้นมาเมื่อใด กว่าจะรู้ตัวว่าตนเป็นมะเร็งเต้านมก็ภายหลังที่ก้อนเนื้อร้ายรุกรามทำลายสุขภาพไปเสียแล้ว
แนวทางป้องกันที่สตรีทุกคนสามารถทำได้ เพียงหมั่นตรวจความผิดปกติที่เต้านมด้วยตนเองเป็นประจำทุกเดือนโดยใช้ฝ่ามือคลำหาก้อนเนื้อบริเวณเต้านม หากไม่พบอาจสังเกตไปที่รูปร่างขนาดของเต้านมมีการเปลี่ยนรูปไปจากเดิมหรือไม่ ถ้าตรวจแล้วไม่มั่นใจให้ขอรับคำปรึกษาที่สถานีอนามัยหรือศูนย์สุขภาพชุมชนใกล้บ้าน
อีกโรคที่คนในวัยนี้ต้องระวังนั่นก็คือ “โรคมะเร็งปากมดลูก” พบมากในสตรีไทยในช่วง 35-50 ปี เป็นอันดับ 2 รองลงมาจากมะเร็งเต้านม สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งปากมดลูกอาจรักษาหายขาดได้เมื่อตรวจพบโรคในระยะแรก แต่โดยลักษณะทั่วไปในระยะแรกจะไม่ปรากฎอาการ ผู้ป่วยสามารถสังเกตสิ่งผิดปกติทางกายได้หากพบมีเลือดออกผิดปกติ เช่น มีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธุ์ มีเลือดออกหลังจากหมดประจำเดือนแล้ว หรือมีอาการตกขาวปะปนกับเลือด เป็นต้น
แนวทางป้องกันโรคสิ่งแรกต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรหรือเปลี่ยนคู่นอนหลายคน ไม่ละทิ้งการตรวจสุขภาพภายใน การตรวจหามะเร็งปากมดลูกปีละครั้งเป็นหนทางป้องกันรู้เท่าทันสุขภาพภายในได้เป็นอย่างดี
และเมื่ออายุย่างเข้าสู่เลข 4 (อายุ 40 ปีขึ้นไป) คนในวัยนี้มักจะถูกเรียกว่า “ย่างเข้าสู่วัยหมดฤดูหรือที่เรียกกันว่าวัยทอง” นั่นเอง นอกจากตัวเลขจะเพิ่มขึ้นแล้ว โรคร้ายต่างๆ ก็ถาโถมเข้ามามากขึ้น ซึ่งโรคที่คนส่วนใหญ่ในวัยเป็นกันเห็นทีจะหนีไม่พ้น ภาวะโรคกระดูกเสื่อมหรือกระดูกพรุน ซึ่งโรคนี้เกิดจากร่างกายผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนน้อยลง ทำให้กระดูกเปาะบาง กระดูกที่เริ่มบางไม่สามารถสังเกตได้ มีเพียงอาการปวดเมื่อย อ่อนเพลียเท่านั้น การไม่ได้รับแคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอมวลกระดูกจะสลายต่อไปเรื่อยๆ
ดังนั้นผู้หญิงในวัยทองต้องดูแลตัวเองมากกว่าปกติ ทำจิตใจให้สดชื่นไม่บริโภคอาหารที่มีโปรตีนสูง ลดละการดื่มกาแฟ เน้นทานอาหารที่มีสารหลักสร้างเนื้อกระดูก คืออาหารที่มีสีเขียว เช่นผักสีเขียวต่างๆ มี ผักคะน้า ผักกระเฉด ผักบุ้ง ผักโขม
นอกจากนี้ผลของฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดลงรวดเร็ว ยังเป็นที่มาของโรคหัวใจและหลอดเลือด มีอาการความดันโลหิตสูงเป็นเวลานานๆ จนเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ผนังหลอดเลือด ส่งผลให้หัวใจได้รับเลือดไม่เพียงพอ เกิดอาการเจ็บหน้าอกหรือมีอาการแน่นหน้าอก
มิหนำซ้ำยังเป็นสัญญาณ“โรคความดันโลหิตสูง” ภัยเงียบที่คุกคามชีวิตไม่มีอาการเตือนใด การจะทราบว่าเป็นความดันโลหิตสูงหรือไม่ จำเป็นต้องวัดความดันโลหิต หากสูงกว่า 140/90 แสดงว่าคุณเป็นโรคความดันโลหิตสูง จึงควรดูแลร่างกายด้วยการผักผ่อนให้เพียงพอ หมั่นออกกำลังกาย ไม่ทานอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลมาก ซึ่งโรคดังกล่าวเป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับหนึ่งของโรคอัมพาต และโรคหัวใจ โรคไต รวมถึงโรคหลอดเลือดแดงแข็งอีกด้วย
สำหรับผู้ที่มีน้ำตาลในเลือดสูงอาจมีความเสี่ยงเป็น “โรคเบาหวาน” จากภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ การละเลยทิ้งไว้เป็นเวลานานจะเกิดโรคแทรกซ้อนต่ออวัยวะต่างๆได้ เช่น ตา ไต และระบบประสาท องค์ประกอบสำคัญที่อาจเป็นต้นเหตุของการเกิดได้แก่กรรมพันธุ์ อ้วน ขาดการออกกำลังกาย หากบุคคลใดมีพฤติกรรมดังกล่าวมากย่อมมีโอกาสที่จะเป็นเบาหวานมากขึ้น แนะนำว่าควรไปตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดว่าอยู่ในปริมาณใด ที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงบริโภคน้ำตาลในปริมาณมากอีกด้วย
และเหนือสิ่งอื่นใดไม่ว่าผู้หญิงจะอยู่ในช่วงวัยใดก็ตาม ควรทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใส หากิจกรรมผ่อนคลายความตึงเครียดหลังการทำงานเพื่อห่างไกล “โรคเครียด” และ “โรคซึมเศร้า” ที่จะเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคน เพราะหากปล่อยให้โรคทั้งสองนี้เกิดขึ้นกับตัวเองบางคนอาจคิดทำร้ายตัวเองหรือหาทางออกในทางที่ผิดได้ ในบางรายอาจถึงขั้นมีความรู้สึกยากฆ่าตัวตายเลยก็ว่าได้ ซึ่งนั่นคงไม่ใช่ทางของของชีวิตอย่างแน่นอน
ทางที่ดีสาวๆไม่ควรอยู่คนเดียวตามลำพังควรไปทำกิจกรรมสร้างสรรค์ที่ชอบ เข้าสังคมบ้างเพื่อพบปะแลกเปลี่ยนทัศนะคติกับผู้อื่น พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และที่ขาดไม่ได้เลยอย่าลืมหาเวลาว่างไป “ตรวจสุขภาพ” จะได้รู้เท่าทันป้องกันโรคภัยได้ทันท่วงทีในทุกช่วงวัย ถ้าคุณผู้หญิงทั้งหลายไม่ยากเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ก็อย่ารอให้แก่แล้วค่อยดูแลตัวเอง…
Update:13-01-53