`ผู้สูงวัย` ควรกินคำเล็ก
การกินอาหารชิ้นใหญ่เกินไปโดยไม่เคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน อาจทำให้เกิดการติดคอและปิดกั้นหลอดลมจนขาดอากาศหายใจได้
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงกรณีที่ขนมเข่งติดคอผู้สูงอายุจนขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตว่า เป็นเหตุมาจากการ กินชิ้นใหญ่เกินไปโดยไม่เคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน จึงเกิดการติดคอและปิดกั้นหลอดลมจนขาดอากาศหายใจ โดยปกติแล้วขนมเข่งจะมีลักษณะนิ่มแต่เหนียวมาก หากกินชิ้นใหญ่และไม่เคี้ยวให้ละเอียดก็อาจเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้
"ไม่เพียงแค่ขนมเข่งอย่างเดียวที่ต้องใส่ใจในการกิน อาหารอื่นๆ ก็เช่นกัน หากกินชิ้นใหญ่หรือเคี้ยวไม่ละเอียดก็มีโอกาสเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ เพราะวัยผู้สูงอายุเป็นวัยที่มีความเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านกายภาพและระบบการทำงานต่างๆ ของร่างกาย รวมทั้งการกลืนอาหารด้วย เริ่มตั้งแต่ในช่องปาก พบว่าผู้สูงอายุมีอาการปากแห้ง การสร้างน้ำลายน้อยลง การที่ไม่มีฟันและกำลังของการบดเคี้ยวลดลง ทำให้ผู้สูงอายุต้องใช้เวลาบดเคี้ยวอาหารนานขึ้น การทำงานของริมฝีปากและลิ้นลดลง ต้องกลืนอาหารหลายครั้งกว่าปกติ เสี่ยงต่อการสำลักอาหาร อีกทั้งคอหอยของผู้สูงอายุปิดช้า กว่าวัยหนุ่มสาว ส่งผลให้อาหารอยู่ในคอหอยนานขึ้น ทำให้มีโอกาสสำลักอาหารมากขึ้น ผู้สูงอายุจะหยุดหายใจขณะกลืน โดยเริ่มหยุดหายใจตั้งแต่หายใจเข้า ทำให้เมื่อกลืนอาหารแล้วต้องรีบหายใจทันที ผู้สูงอายุจึงมีอัตราการหายใจเพิ่มขึ้นทันทีหลังจากกลืนอาหาร จึงทำให้มีโอกาสที่จะเกิดการสำลักได้ง่ายเช่นกัน" นพ.พรเทพกล่าว
นพ.พรเทพกล่าวว่า เพื่อความปลอดภัยควรปฏิบัติดังนี้ 1.นั่งตัวตรงขณะกินอาหาร และหลังกินเสร็จห้ามนอนทันที 2.กินอาหารช้าๆ อย่างตั้งใจ ให้เวลากับมื้ออาหารอย่างเพียงพอ 3.อย่ากินอาหารขณะเหนื่อยหรือรีบเร่ง ควรพักก่อน 30 นาที 4.อาหารที่กินควรมีชิ้นเล็กๆ หรือขนาดพอดีคำ 5.ลดสิ่งรบกวนขณะกินอาหาร เช่น พูดคุย ดูทีวี 6.กินอาหารคำละ 1 ชนิด 7.อาจกินอาหารสลับกัน เช่น อาหารที่บดเคี้ยวสลับกับอาหารเหลว และ 8.อย่ากินอาหารแห้งเกินไป ควรมีน้ำซอสหรือน้ำซุปช่วยให้เนื้ออาหารชุ่มและนุ่มขึ้น
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต