ผู้ป่วยเรื้อนทั่วโลกลดเหลือ 1.8 แสนราย
ทั่วโลกพบผู้ป่วยโรคเรื้อน 180,000 คน ลดจาก 30 ปีที่แล้วที่มีกว่า 5 ล้านคน อึ้ง! 18 ประเทศยังพบปัญหาการแพร่ระบาด ส่วนใหญ่อยู่ในเอเชีย และแอฟริกา เร่งรัดค้นหาผู้ป่วยรักษาเร็วขึ้น ลดความพิการ เผยไทยประสบความสำเร็จการจัดการโรค
เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ที่โรงแรมดุสิตธานี นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิด การประชุมโรคเรื้อนโลก ในหัวข้อความท้าทายในการแก้ไขปัญหาที่เหลืออยู่ (international leprosy summit : overcoming the remaining challenges) ว่า โรคเรื้อนเป็นโรคที่ทำให้เกิดความพิการสูงกว่าโรคอื่น โดยเฉพาะที่มือ เท้า และตา องค์การอนามัยโลกได้เร่งรัดให้ทุกประเทศกำจัดโรคนี้ให้หมดไป ไม่เป็นปัญหาสาธารณสุข เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยลดลงเหลือเพียง 180,000 คน ในปี 2555 จากเดิมที่มีมากถึง 5 ล้านกว่าคนในช่วง 30 ปีก่อน โดยมีประเทศที่ยังมีปัญหาการแพร่ระบาดของโรคนี้ คือมีการค้นพบผู้ป่วยรายใหม่ในรอบปีเกินกว่า 1,000 คน ทั้งหมด 18 ประเทศ ส่วนใหญ่อยู่ในแถบเอเชีย และแอฟริกา ได้แก่ แองโกลา บังกลาเทศ บราซิล จีน คองโก เอธิโอเปีย อินเดีย อินโดนีเซีย มาดากัสการ์ โมซัมบิก พม่า เนปาล ไนจีเรีย ฟิลิปปินส์ เซาท์ซูดาน ศรีลังกา ซูดาน และแทนซาเนีย ส่วนประเทศไทยได้รับการยกย่องว่าประสบความสำเร็จในการกำจัดโรคเรื้อนแล้ว และได้รับเกียรติให้เป็นสถานที่ในการจัดการประชุมครั้งนี้
นายสรวงศ์ กล่าวต่อว่า ปัญหาใหญ่ที่ทั่วโลกพบขณะนี้คือ ผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับความพิการแล้ว ซึ่งโรคนี้สามารถรักษาให้หายขาดได้ และไม่มีความพิการเกิดขึ้น หากมาพบแพทย์เร็ว องค์การอนามัยโลก ได้ตั้งเป้าหมายภายในปี 2558 ให้ทุกประเทศลดอัตราความพิการในผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ต่อประชากร 1 แสนคน ลงจากเดิมร้อยละ 35 เมื่อเทียบกับอัตราความพิการในปี 2553 ส่วนกระทรวงสาธารณสุขไทยได้ตั้งเป้าหมายไว้ที่ร้อยละ 50 ขณะเดียวกัน จะเน้นการป้องกันโรคในกลุ่มของแรงงานต่างด้าว โดยทุกรายจะต้องผ่านการตรวจสุขภาพ เพื่อปกป้องคนไทย และป้องกันไม่ให้โรคเรื้อนกลับมาเป็นปัญหาสาธารณสุขอีกครั้ง
ด้าน นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในปี 2555 ไทยมีผู้ป่วยโรคเรื้อนขึ้นทะเบียนรักษารวม 555 คน และพบผู้ป่วยรายใหม่เพียง 220 คน เฉลี่ยพบ 0.09 คนต่อประชากร 10,000 คน ลดลงจากปี 2496 ที่พบผู้ป่วย 1.4 แสนคน ส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้บางจังหวัด จังหวัดที่พบผู้ป่วยมากกว่า 1 คนต่อประชากร 10,000 คน มี 8 อำเภอใน 7 จังหวัด ได้แก่ อ.บัวลาย จ.นครราชสีมา อ.เปือยน้อย จ.ขอนแก่น อ.แกดำ จ.มหาสารคาม อ.นาทม จ.นครพนม อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี และที่ อ.ระแงะ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส
นพ.พรเทพ กล่าวต่อว่า โรคเรื้อนเป็นโรคเรื้อรังที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า ไมโครแบคทีเรียม เลปแปร (mycobacterium laprae) ติดต่อทางการหายใจ อาการของโรคนี้คือ ผิวหนังจะมีลักษณะเป็นผื่น มีสีซีดจาง หรือเข้มกว่าผิวหนังปกติ มีอาการชา ไม่เจ็บ ไม่คัน ประชาชนมักเข้าใจผิด คิดว่าเป็นโรคผิวหนังทั่วไป หากผื่นขึ้นในบริเวณที่มองไม่เห็นจะไม่รู้ตัว จึงละเลยปล่อยทิ้งไว้ ไม่ไปรับการรักษา ทำให้อาการลุกลามจนเกิดความพิการตามมา ขณะนี้พบร้อยละ 14 ของผู้ป่วยโรคเรื้อนรายใหม่ ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว กรมควบคุมโรค ได้พัฒนาระบบการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคเรื้อนในโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลชุมชน เน้นหนักใน รพ. 20 แห่งในเขตบริการสุขภาพที่ยังมีปัญหาการแพร่ระบาดของโรค โดยการอบรมฟื้นฟูความรู้แก่แพทย์ และจัดระบบให้เป็นศูนย์ตรวจรักษาและฟื้นฟูผู้ป่วยในพื้นที่ โดยขณะนี้ได้ใช้สูตรยารักษาเดียวกันทั่วโลก ใช้เวลารักษาตั้งแต่ 6 เดือน – 2 ปี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค สามารถเข้ารับการรักษาได้ที่โรงพยาบาลของรัฐทุกแห่ง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ที่มา : หนังสือพิมพ์ astv ผู้จัดการ