ผู้ชายสุขภาพดีเริ่มที่ตัวเอง
ปรับความคิดชีวิตเพศปลอดภัย
“ผู้ชายมีอิสระที่จะเรียนรู้เรื่องเพศ” คือความเชื่อที่ใครๆ ก็มักคิดว่าผู้ชายมีข้อมูลและสั่งสมประสบการณ์ทางเพศไว้มากมาย เป็นมุมมองที่การถูกถ่ายทอดแบบผิดๆ โดยเฉพาะเรื่องความสุขทางเพศที่เน้นสร้างความเป็นแมนและศักดิ์ศรีให้ผู้ชายแบกไว้ จนทำให้ผู้ชายหลงลืมเรื่องความปลอดภัยของตัวเองและการสื่อสารความรู้สึกระหว่างคู่ ข้อมูลสุขภาพในส่วนอื่นๆ ถูกมองเป็นเรื่องไกลตัวทั้งๆ ที่ความจริงแล้วชีวิตทางเพศของ“ผู้ชาย” มีอะไรมากกว่าเพศสัมพันธ์
แต่ด้วยความเชื่อแบบเดิมๆ ของวัยรุ่นเกี่ยวเรื่องเพศที่ถูกส่งต่อกันมาจากคนอื่น ไม่ว่าจะเป็น เพื่อน รุ่นพี่ วงเหล้า ที่ส่วนใหญ่มักโอ้อวดประสบการณ์ทางเพศ ที่ไม่ใช่การพูดความจริงตรงข้ามกลับมุ่งเน้นความสุขทางเพศที่ว่า…การเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ มีเพศสัมพันธ์ครั้งละนานๆ และหลายๆ ครั้งเป็นการแสดงให้เห็นความสำคัญของคุณภาพของการมีเซ็ก โดยอิทธิพลทางความคิดส่งผลให้สุภาพบุรุษ หลงลืมดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจของตนเอง นำไปสู่ชีวิตทางเพศที่เสี่ยงไม่ปลอดภัย
จากตัวเลขในปี 2550 พบสถานการณ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยมีผู้ป่วย 11,619 คน เป็นโรคหนองในมากที่สุด รองลงมาคือ หนองในเทียม และซิฟิลิส ส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 20-24 ปี อาชีพที่พบมากคือ รับจ้าง ค้าประเวณี และกลุ่มนักเรียน/นักศึกษา โดยโรคหนองใน ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงการแพร่ระบาดของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่จะนำไปสู่การแพร่ระบาดของโรคเอดส์ สิ่งที่น่ากังวลคือ กลุ่มนักเรียน/นักศึกษามีอัตราป่วยเพิ่มขึ้นเป็น 2 คนในทุกๆ ประชากรแสนคน สะท้อนให้เห็นว่าพวกเขายังขาดความเข้าใจชีวิตทางเพศของตนเอง
เมื่อกระแสค่านิยมในหมู่วัยรุ่นโน้มนำไปในทิศทางใด การเลียนแบบทางพฤติกรรมของผู้ชายย่อมถูกชักจูงให้เห็นคล้อยตามไปด้วย อย่างการปรับแต่งอวัยวะเพศของผู้ชายด้วยการฝังมุก ฉีดน้ำมันมะกอก เพราะเชื่อว่าสิ่งที่ทำแสดงถึงความเป็นลูกผู้ชาย และช่วยสร้างความพึงพอใจขณะมีเซ็กระหว่างตนเองกับคู่นอน ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้น ทำให้อวัยวะเพศของคุณเป็นของประหลาดในสายตาของคู่ บางคนอาจถึงกับกลัว และบางคนอาจรู้สึกเจ็บขณะร่วมเพศ ที่สำคัญทำให้ถุงยาอนามัยที่สวมใส่เกิดการฉีดขาดหรือใช้ไม่ได้เลย ซ้ำร้ายคุณอาจพิการได้ไม่รู้ตัว
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ศ.น.พ.อภิชาติ กงกะนันท์ ศัลยกรรมระบบทางเดินปัสสาวะ ศูนย์สุขภาพชาย โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้อธิบายไว้ว่า ส่วนปลายของอวัยวะเพศโดยเฉพาะที่ยังมีหนังหุ้มปลายอยู่ ภายในจะบอบบางมากการกระทบกระแทก หรือ การทำให้เกิดความระคายเคืองกับบริเวณองคชาต โดยเฉพาะหัวแกนขององคชาต อาจทำให้เกิดตุ่มน้ำ เหมือนเกิดการพองเวลาโดนน้ำร้อนลวก จะทำให้เจ็บ แสบร้อน หากตุ่มน้ำใสแตกย่อมทำให้เป็นแผล และเมื่อดูแลไม่ดีก็อาจทำให้เกิดการติดเชื้อและมีโอกาสติดเชื้อเข้าสู่ท่อปัสสาวะได้
ยิ่งถ้าคุณมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยด้วยแล้ว เท่ากับเพิ่มโอกาสเสี่ยงติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อีกเท่าตัว แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคติดต่อคงเป็นคำถามที่หนุ่มควรรู้ โดยหมั่นสังเกตว่ามีแผลเปื่อย บวม หรือตุ่มพองที่บริเวณอวัยวะเพศช่องทวารหนักหรือที่ปากไหม
ไม่เพียงเท่านั้น!! ควรสังเกตร่างกายว่ามีอาการแสบหรือเจ็บเมื่อปัสสาวะ มีหนองไหลจากอวัยวะเพศหรือทวารหนัก คันเจ็บ หรือไม่ เนื่องจากอาการพวกนี้อาจเป็นสัญญาณว่าคุณเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เสี่ยงเป็น โรคหนองใน โรคซิฟิลิส โรคหูด โรคเริม ฯลฯ ซึ่งโรคที่กล่าวมานั้น เกิดจากเชื้อไวรัสและแบคทีเรียตัวการก่อผลเสียต่ออวัยวะเพศของร่างกาย ขอแนะนำให้รีบไปพบแพทย์ทันทีแล้วอย่าลืมหาทางบอกคู่นอนของคุณให้ไปตรวจสุขภาพด้วยเช่นกัน
ปัญหามันอยู่ที่ว่า..หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่อาจไม่มีทางรู้เลยว่ากำลังติดโรคทางเพศสัมพันธ์เข้าเสียแล้ว กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่อาการลุกลามจนรักษายาก เพราะบางคนนั้น อาจไม่มีอาการอะไรนานเป็นสัปดาห์ เป็นเดือน หรืออาจเป็นปีหลังได้รับเชื้อ จะเป็นๆ หายๆ ถ้าเชื้อยังคงอยู่ในร่างกาย ก็จะนำไปติดต่อไปสู่คนอื่นๆ ที่คุณมีเพศสัมพันธ์ด้วย
ด้วยเหตุนี้เกราะป้องกันชีวิตทางเพศให้ปลอดภัยและเป็นสุขได้นั้น อย่ามองข้ามเรื่องของการใช้ถุงยางอนามัยจะดีกว่า ที่สำคัญผู้ชายควรรู้ด้วยว่า
การใส่ถุงยางอนามัยซ้อนกันไม่ได้ทำให้เซ็กปลอดภัยขึ้น ตรงข้ามกลับจะทำให้ถุงยางเสียดสีกันและมีโอกาสที่จะรั่วหรือแตกได้ง่าย นอกจากนี้การใช้สารหล่อลื่นที่เป็นน้ำมัน อาจทำให้ถุงยางอนามัยแตกได้ ต้องใช้เจลหล่อลื่นที่ทำจากน้ำเท่านั้น โดยทารอบๆ ถุงยางที่ใส่อยู่กับอวัยวะเพศแล้วและอย่าลืม“ถุงยางอนามัย” เป็นของใช้เพื่อสุขอนามัยในการร่วมเพศ ควรใช้ทุกครั้งไม่ว่าจะมีเซ็กส์กับใครก็ตาม
เหนือสิ่งอื่นใดชีวิตทางเพศของผู้ชายมีอะไรมากกว่าเพศสัมพันธ์…วันนี้เราจึงมีแนวทางดูแลสุขภาพเบื้องตนที่ผู้ชายทำได้ด้วยตัวเองมาฝากกันคะ …หัวใจสำคัญอยู่ที่การดูแลใส่ใจวิถีชีวิตกินอยู่ง่ายๆ แค่เพียง “ดื่มน้ำ” ทันทีหลังตื่นนอนนั้นดีต่อสุขภาพ (ควรดื่มก่อนแปรงฟัน) เพราะน้ำลายในปากจะมีแบคทีเรียที่ดีต่อลำไส้ช่วยเรื่องการขับถ่ายแถมการดื่มน้ำยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นสู่ผิวคุณ
ตามมาด้วย “อาหารเช้า” หนุ่มๆ อาจมองว่าวุ่นวายเหลือเกินจึงเลือกที่จะไม่รับประทานมื้อเช้า แต่รู้หรือไม่คุณค่าอาหารมื้อเช้าช่วยลดความเสี่ยงสุขภาพในหลายๆ ด้าน ทั้งเรื่องหลอดเลือดอุดตัน โรคหัวใจ และอัลไซเมอร์ ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหนขอแนะนำให้ซื้ออาหารเตรียมไว้ตอนเย็นแล้วอุ่นรับประทานในตอนเช้าก็เป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งเพื่อสุขภาพ ไม่ว่าอย่างไรในหนึ่งวันควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ด้วยนะคะ
ที่สำคัญคือ“แบ่งเวลาออกกำลังกาย” เรียกความฟิตเพิ่มภูมิต้านทานโรคแก่ร่างกาย ลองทำกิจกรรมออกกำลังกายกลางแจ้งบ้างก็ได้ เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือฟุตบอล ก็เข้าท่าดีเสริมกล้ามเนื้อแขนขาแบบฉบับลูกผู้ชายพร้อมปรับเปลี่ยนความคิดหัดมองโลกในแง่ดี
เพียงเท่านี้คุณก็เป็นผู้ชายที่สุขภาพดีได้ทั้งกายใจ ซึ่งยังไม่สายเกินไปที่เพศชายจะหันมาใส่ใจดูแลสุขภาวะทางเพศไปพร้อมๆ กับสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สร้างฐานชีวิตเพศที่ปลอดภัยของตัวคุณ
ที่มา: กิตติยา ธนกาลมารวย Team content www.thaihealth.or.th
Update:22-02-53
อัพเดทเนื้อหาโดย: กิตติยา ธนกาลมารวย