ผุดแอปฯ “บางกอกน้อยโมเดล” ต้นแบบฐานข้อมูลสุขภาพคนเมือง

ที่มา : เว็บไซต์คมชัดลึก 


ภาพประกอบจากเว็บไซต์คม ชัด ลึก


ผุดแอปฯ


เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2561 คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แถลงข่าวเปิดตัวโครงการบางกอกน้อยโมเดล "สุขภาพดีเริ่มต้นด้วยปลายนิ้ว" ผ่านแอปพลิเคชัน สำรวจข้อมูลสุขภาพชุมชน 4 มิติ เพื่อวางแผนการพัฒนาดูแลคุณภาพชีวิตคนเมือง


โดย ศ.นพ.ประเสริฐ อัสสันตชัย รองคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า อีก 3 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ โดยมีจำนวนประชากรผู้สูงอายุสูงถึง 13 ล้านคน คิดเป็น 20% ของจำนวนประชากร ระบบสาธารณสุขเป็นระบบแรกที่ควรเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงนี้ อีกทั้งสาเหตุความเจ็บป่วยส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตและสิ่งแวดล้อม การรักษาพยาบาลเพียงอย่างเดียวไม่สามารถช่วยให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ จึงควรคำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิต สิ่งแวดล้อม เศรษฐศาสตร์ และสังคมด้วย


คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาลในฐานะสมาชิกในชุมชนบางกอกน้อย ร่วมกับ สสส.จัดทำโครงการบางกอกน้อยโมเดล เน้นการทำงานกับภาคส่วนต่าง ๆ ในเขตบางกอกน้อย อาทิ กรมสารวัตรทหารเรือ สำนักงานเขตบางกอกน้อย โรงเรียน วัด ร้านค้า และชุมชนผู้อยู่อาศัยโดยการจัดทำ “ระบบฐานข้อมูลสุขภาพ” สำรวจในชุมชนบางกอกน้อย 42 ชุมชน เพื่อให้ทราบข้อมูลสุขภาพและนำข้อมูลมาออกแบบกิจกรรมที่ตอบโจทย์สุขภาพของประชาชนในพื้นที่


ผุดแอปฯ


รศ.นพ.นริศ กิจณรงค์ รองคณบดีฝ่ายสื่อสารองค์กรและกิจกรรมเพื่อสังคม คณะแพทย์ฯ ในฐานะผู้ดำเนินโครงการบางกอกน้อยโมเดล กล่าวว่า


"บางกอกน้อยโมเดล" เป็นต้นแบบของการจัดการระบบสุขภาพเขตเมือง ผ่านการจัดเก็บข้อมูลฐานสุขภาพ เพื่อสร้างเสริมสุขภาพได้อย่างตรงจุดในแต่ละช่วงอายุ ซึ่งที่ผ่านมาการเก็บข้อมูลโดยเอกสารจะใช้เวลานาน ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน แต่ทุกวันนี้เทคโนโลยีทันสมัย จึงได้จัดทำแอปพลิเคชันบางกอกน้อยโมเดล (Bangkoknoi Model) และWeb-based ที่สามารถมากรอกข้อมูลสุขภาพได้เพียงปลายนิ้ว โดยการสอบถามใน 5 มิติ ได้แก่ สุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และความปลอดภัย


พร้อมกันนี้ก็จะมี “ทีมจิตอาสา” ที่ลงพื้นที่แนะนำระบบฐานข้อมูลและเก็บข้อมูลเชิงรุกในชุมชนควบคู่กัน ขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการลงพื้นที่เก็บข้อมูลได้ 10 ชุมชน จาก 42 ชุมชน โดยตั้งเป้าหมายเก็บข้อมูลได้ 50,000-80,000 คน จากประชากรในพื้นที่ประมาณ 125,000 คน ซึ่งจะใช้เวลาในการดำเนินการ 1 ปี(กันยายน 2560-กันยายน 2561) จากนั้น จะเดินหน้าสู่ในเฟสต่อไปคือวางแผนกับภาคส่วนต่างๆ ในชุมชนและนำข้อมูลมาวางแผนพัฒนาระบบดูแลสุขภาพต่อไป


นพ.วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ รองประธานกองทุน สสส. กล่าวว่า ข้อมูลจากสหประชาชาติปี 2559 พบว่า ประชากรเกินกว่าครึ่งโลกที่อาศัยในเขตเมือง และเพิ่มขึ้นเป็น 66%ในปี 2593 และภาวะคุกคามประชาชนที่อาศัยในเขตเมือง 92% คือคุณภาพอากาศไม่ได้มาตรฐานขององค์การอนามัยโลก ส่งผลให้ตายก่อนวัยอันควรปีละ 3 ล้านคน การเติบโตของเมืองเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉะนั้น การเตรียมการระบบบริการสุขภาพสามารถดูแลคุณภาพชีวิตประชาชนในเขตเมืองให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงจึงต้องเร่งดำเนินการ เครื่องมือสำคัญ คือ การมีระบบสารสนเทศสุขภาพที่ดี เชื่อถือได้ และทันเวลา ประกอบกับพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีของประชาชนในเขตเมืองจะเอื้ออำนวยให้สามารถเข้าถึงและนำใช้ประโยชน์


ทั้งนี้ “ระบบฐานข้อมูล” ที่สัมพันธ์กับปัจจัยกำหนดสุขภาพและรูปแบบกิจกรรมประเภทต่างๆ ในการดำรงชีวิตในชุมชนเขตเมืองนี้ เช่น กิจกรรมหรือโครงการเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางสุขภาพของชุมชนริมคลอง หรือผู้อาศัยในคอนโด หรือจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างเสริมสุขภาพ โครงการบางกอกน้อยโมเดล “สุขภาพดีเริ่มต้นได้ด้วยปลายนิ้ว” จึงเป็นการตั้งต้นการจัดการระบบสุขภาพเชิงรุก โดยมีบุคลากรที่มีคุณภาพของโรงพยาบาลศิริราชและการทำงานร่วมกันในชุมชนบางกอกน้อย ซึ่งสามารถต่อยอดไปยังชุมชนเขตเมืองต่าง ๆ ของประเทศไทยได้

Shares:
QR Code :
QR Code