ปีใหม่ห้ามดื่มเหล้าในเขตอุทยานฯ
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
ปีใหม่ห้ามดื่มเหล้าในเขตอุทยานฯ ฮึ่มฝ่าฝืนโดนจัดหนักถึงคุก-เปิดสายด่วน 1362 แจ้ง 24 ชม.
นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า กรมอุทยานฯ ได้ออกประกาศกำหนดห้ามมิให้นำเข้าหรือจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภทในอุทยาน หากผู้ใดฝ่าฝืนจะมีความผิดตาม พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 มาตรา 18 โทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งที่ผ่านมาได้ขอความร่วมมือจากนักท่องเที่ยว ขณะเดียวกันก็ให้เจ้าหน้าที่คอยเฝ้าระวังรักษา ความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด เพื่อให้นักท่องเที่ยว ปฏิบัติตามคำเตือนของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด
"เทศกาลปีใหม่นี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มาใช้บริการสถานที่ ท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติและวนอุทยานเป็นจำนวนมาก บางครั้งพบว่ามีการลักลอบนำ สุราเข้ามาดื่ม ซึ่งปัญหาที่ตามมาไม่ใช่แค่เรื่อง การส่งเสียงดังประพฤติตนไม่เหมาะสม รบกวนธรรมชาติและสัตว์ป่า ยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ความรุนแรง ทะเลาะวิวาท สร้างความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินด้วย และข้อสำคัญคือการ เคารพสิทธิของคนที่เข้าไปในอุทยานแห่งชาติที่ต้องการความสงบ อยากสัมผัสธรรมชาติที่แท้จริง การได้สื่อสารประชาสัมพันธ์ในเรื่องนี้ โดยมีป้ายแจ้งเตือนชัดเจน มีการกำชับเจ้าหน้าที่ ตรงจุดจำหน่ายตั๋วให้แจ้งเตือน เชื่อว่าจะทำให้นักท่องเที่ยวเข้าใจ และเคารพกฎกติกานี้ และ สามารถฝากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไว้กับจุดจำหน่ายตั๋วก่อนเข้าพื้นที่นั้นๆได้ด้วย ซึ่งถ้าหากตรวจ พบการลักลอบนำเหล้าเบียร์เข้าไป จะต้องถูกดำเนินการตามระเบียบ และกฎหมายที่กำหนด ขณะเดียวกันหากพบว่าเจ้าหน้าที่ปล่อยปละละเลยไม่เข้มงวดก็ถือว่ามีความผิดด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หากผู้ใดพบเห็นการกระทำผิดในเรื่องนี้และเหตุอื่นๆในพื้นที่อุทยานแห่งชาติและวนอุทยาน สามารถโทร.มาที่สายด่วน 1362 ได้ตลอด24ชั่วโมง" นายปิ่นสักก์ กล่าว
นายวิษณุ ศรีทะวงศ์ ผู้จัดการแผนงานสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า อยากขอความร่วมมือนักท่องเที่ยว ช่วยปฏิบัติตามกฎระเบียบเพื่อป้องกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้จากข้อมูลศูนย์วิจัยปัญหาสุรา พบว่า 1 ใน 3 ของผู้บาดเจ็บทั้งหมดมีสุราเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่ เนื่องจากมีพฤติกรรมดื่มหนัก ทั้งนี้ สคล. ซึ่งมีเครือข่ายอยู่ทุกจังหวัดพร้อมร่วมสนับสนุน เป็นหน่วยเฝ้าระวังและทำงานร่วมกันกับกรมอุทยานฯอย่างเต็มที่
นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผอ.สำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ผู้ใช้รถใช้ถนนควรระมัดระวังให้มากขณะเดินทางไปอุทยาน เนื่องจากเป็นเส้นทางเลาะเลี้ยวผ่านธรรมชาติ บางเส้นทางขึ้นเขา เพื่อให้เดินทางอย่างปลอดภัย ควรปฏิบัติ 3 ประการ คือ1.ขับรถด้วยความระมัดระวัง งดใช้ความเร็ว ง่วงไม่ขับอย่างเด็ดขาด 2.หลีกเลี่ยงโดยสารรถที่ไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะรถทัวร์ 2 ชั้น เพราะทางเข้าอุทยานส่วนใหญ่เป็นทางลาดชัน รถ 2 ชั้นจะทำให้พลิกคว่ำได้ง่าย และควรคาดเข็มขัดนิรภัย 3.งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งคนขับและผู้โดยสาร ปัจจุบันไม่ใช่แค่เมาแล้วขับเท่านั้นที่มีความผิด การดื่มบนรถขณะอยู่บนทาง อยู่บนถนนของผู้โดยสารก็มีความผิดด้วยเช่นกัน มีโทษ ทั้งจำทั้งปรับ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหาก อุทยานต่างๆ มีการคุมเข้มเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในอุทยานแห่งชาติและวนอุทยาน ทั้งทางบก ทางทะเล ซึ่งรวมๆแล้วเกือบ สองร้อยห้าสิบแห่งทั่วประเทศ จะยิ่งทำให้ลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุลงไปได้อย่างน่าสนใจยิ่ง