ปิดเทอมใหญ่สนุกอะไรดี
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
ถึงฤดูปิดเทอมใหญ่ทีไร คนที่ต้องหัวใจว้าวุ่นทุกทีคงไม่พ้นคุณพ่อแม่ หรือผู้ปกครอง เพราะต้องแอบปวดหัวกับการหากิจกรรมให้ลูกๆ ของเราในวันว่าง ขณะที่การงานก็เร่งรัดจนไม่รู้จะบริหารเวลายังไงให้ลงตัว
มีนาคมที่ผ่านมา ได้มีผลสำรวจที่น่าสนใจเรื่อง "ปิดเทอมนี้เด็กเยาวชนอยากทำอะไร" ในเดือนมีนาคม 2561 โดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับชมรมนักวิจัยไทยเพื่อความสุขชุมชน ที่ทำการสำรวจความคิดเห็นเด็กและเยาวชนไทยจำนวน 1,760 ตัวอย่าง พบว่า กิจกรรมที่เด็กเยาวชนตั้งใจจะทำในช่วงปิดเทอม 3 อันดับแรก คือ เล่นมือถือ อินเทอร์เน็ต 71% ตามด้วยการไปเที่ยวต่างจังหวัด 53% และหางานพิเศษทำ 46%
ผลสำรวจที่ได้ กลายเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่น่ายินดีเท่าไหร่นัก เมื่อเด็กไทยในวันนี้ส่วนใหญ่ใช้ชีวิตเป็นหลักอยู่หน้าจอมือถือและอินเทอร์เน็ตสูงถึงร้อยละ 71
จากความห่วงใยในอนาคตของชาติของบรรดาผู้ใหญ่หลายฝ่าย ที่ต้องการดึงอนาคตของชาติออกจากหน้าจอมือถือและชีวิตติดเกมส์ จึงต่างร่วมระดมความคิดและจับมือกันชักชวนเด็กไทยหันมาหากิจกรรมปิดเทอมที่สร้างสรรค์มากขึ้น นำมาสู่กิจกรรม "ปิดเทอมสร้างสรรค์ (เปิด) หน้าต่างสู่การเรียนรู้" อีกหนึ่งการผนึกกำลังครั้งใหญ่ที่สุดของ ภาครัฐ เอกชน ประชาสังคมและภาคีเครือข่ายร่วมหนุนกิจกรรมและพื้นที่สร้างสรรค์ในช่วงปิดเทอม ที่รองรับถึง 450 กิจกรรม และงานพิเศษ 3,000 ตำแหน่ง
"ปิดเทอมสร้างสรรค์ (เปิด) หน้าต่างสู่การเรียนรู้" เป็นหน้าต่างสู่โลกการเรียนรู้ อีกบานที่จะชวนเด็กๆ ใช้เวลาว่างในวันหยุด อย่างคุ้มค่า เพื่อเปิดมุมมองการเสริมสร้าง ทักษะและพัฒนาสติปัญญาแบบ นอกห้องเรียน
พล.อ. ปัฐมพงศ์ ประถมภัฏ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ใหญ่คนสำคัญรายแรกที่บอกเรื่องราวของกิจกรรมครั้งนี้ว่า การจัดงานเกิดจากการที่รัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องพัฒนาคนทุกช่วงวัย เพื่อเตรียมความพร้อมประเทศไทยสู่ไทยแลนด์ 4.0 ในเรื่องการพัฒนาคุณภาพเด็กและเยาวชน รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีเหมาะสมช่วงวัย ในเรื่องกายใจ อารมณ์ สติปัญญา มีความรับผิดชอบต่อตนเอง และสำนึกต่อส่วนรวม ที่ผ่านมาจึงได้จัดตั้งสภาเด็กและเยาวชน และคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบให้จัดตั้งกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแล้ว
"หลังจากทาง สสส. มีการสำรวจความคิดเห็นกลุ่มเด็กและเยาวชนไทยว่าสามเดือนนี้จะทำอะไร เมื่อทราบผลสำรวจ ทำให้รัฐบาลมีความเป็นห่วงว่า ควรจะส่งเสริมเด็กไทยเดินไปทิศทางใด และไปในทางสร้างสรรค์หรือไม่ จากความตระหนักดังกล่าว จึงใช้โอกาสนี้ในการร่วมมือกับ ทุกภาคส่วนเพื่อจัดกิจกรรมนี้ขึ้นมา โดยจะเน้นพยายามจัดให้ได้ทุกพื้นที่ เพื่อให้เด็กและเยาวชนทั่วประเทศได้เข้ามามีส่วนร่วม โดยเฉพาะพื้นที่เด็กที่ขาดโอกาส ซึ่งทางรัฐบาลและ สสส.ได้พยายามสรรหาและพัฒนาพื้นที่สร้างสรรค์ที่มีความปลอดภัยให้กับเด็ก และส่งเสริมการมีกิจกรรมที่สร้างสรรค์ เพื่อให้ตลอดสามเดือนนี้ เป็นสามเดือนที่มีประโยชน์และ ใช้เวลาคุ้มค่ามากที่สุด"
ความร่วมมือของหลากหลายภาคี ทำให้สามารถรวบรวมกิจกรรมดีๆ ในช่วง ปิดเทอมนี้ที่กระจายทุกภูมิภาคมากถึง 450 กิจกรรม รวมอยู่ในเว็บไซต์ที่ชื่อว่า "ปิดเทอมสร้างสรรค์ดอทคอม" (www. ปิดเทอมสร้างสรรค์.com รวมถึงใน Facebook: Happy Schoolbreak ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเป็นช่องทางให้เด็ก เยาวชน และผู้ปกครอง ได้เข้าถึงกิจกรรมและ พื้นที่สร้างสรรค์ที่สนใจได้ง่ายขึ้น
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า กิจกรรมที่รวบรวมมาทั้งหมด ถือเป็นตัวอย่างเพียงส่วนหนึ่ง แต่เป้าหมายสำคัญ ยังต้องการให้มีการขยายกิจกรรมสร้างสรรค์มากขึ้น โดยอยากชวนหน่วยงานที่สนใจมาร่วมกิจกรรม
"การใช้เวลาว่างให้มีประโยชน์และ คุ้มค่า ในหลายประเทศเป็นตัวอย่างที่ดี และมีมานาน ที่มีการส่งเสริมเรื่องนี้ จนเป็นเรื่องปกติ เราจะเห็นว่ามีนักศึกษาเยาวชนในต่างประเทศที่จะใช้เวลาช่วง ปิดเทอมในการฝึกงาน ทำงานพิเศษ หรือไม่ก็เรียนรู้เดินทางท่องเที่ยวทั่วโลก
วันนี้เรามีเด็กและเยาวชนเยอะมากถึงกว่า 13 ล้านคน โครงการนี้ สสส. จึงมี เป้าหมายจะจุดประกายสร้างการเปลี่ยนแปลง ด้านทัศนคติเด็กไทยให้หันมาใช้เวลาว่าง ทำกิจกรรมเป็นประโยชน์ในช่วงปิดเทอมมากขึ้น จึงพยายามตั้งต้นบุกเบิกและผลักดัน ให้เกิดการเผยแพร่ มีการจัดทำเว็บไซต์ ปิดเทอมสร้างสรรค์ เพื่อให้เป็นศูนย์กลางในความร่วมมือดังกล่าว ซึ่งทุกคนเข้ามาจะเห็นความหลากหลายของกิจกรรมมากมาย โดยตั้งเป้าให้มีการจัดอย่างต่อเนื่อง ยั่งยืน และเพิ่มพูนขึ้น"
สำหรับกิจกรรมทั้ง 450 กิจกรรมที่ว่า แบ่งเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ 200 กิจกรรม และแหล่งเรียนรู้ถึง 250 แห่ง รวมถึงการเปิดรับตำแหน่งงานพิเศษ 3,000 ตำแหน่ง และการสนับสนุนทุนเพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนได้มีโอกาสคิดริเริ่มกิจกรรมที่สนใจถึง 400 โครงการตลอดทั้งปี
"ช่วงปิดเทอมถ้าจำกันได้ช่วงเด็กๆ เป็นช่วงเวลาที่เรารอคอย เพราะมีหลายกิจกรรมให้เราอยากออกไปสัมผัส" ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) อีกหนึ่งภาคีผู้จัดกิจกรรมแฝงสาระเรียนรู้สำหรับเด็กไทยเอ่ยต่อว่า ในปีนี้นอกจากเด็ก ๆ จะสามารถมาเรียนรู้วิทยาศาสตร์อย่างสนุกสนานในพิพิธภัณฑ์ทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศ แล้ว ทาง อพวช. จึงมีกิจกรรมพิเศษต้อนรับปิดเทอมมากกมาย อาทิ การสวมบทบาทเป็นสายลับสุดท้าทายไปกับ นิทรรศการ "Spy : Code Breaker" และกิจกรรม "ปฏิทินจันทรคติไทย 200 ปี" กิจกรรม "enjoy maker space" ชมตัวอย่างการ สตัฟฟ์สัตว์ ร่วมเรียนรู้ไปกับนิทรรศการที่มองไม่เห็น "บทเรียนในความมืด : Dialogue in the Dark" นิทรรศการจากประเทศเยอรมันที่จะทำให้เราใช้หัวใจนำทาง ฯลฯ
"อพวช. อยากให้พ่อแม่มองเห็นความสำคัญของการพาลูกออกมานอกห้องสี่เหลี่ยม หรือโลกสี่เหลี่ยม ซึ่งพ่อแม่สามารถพาเด็กๆ มาร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่เราจัดไว้ได้ตลอดปิดเทอมนี้"
ด้าน "มิวเซียมสยาม" ก็ดูจะไม่ยอมน้อยหน้า เพราะได้จัดเตรียมกิจกรรมไว้รองรับในทุกพิพิธภัณฑ์ของกรม ศิลปากร ห้องสมุดมีชีวิตของทีเคพาร์ค นิทรรศรัตนโกสินทร์ และค่ายวิทยาศาสตร์ของ อพวช. เป็นต้น
ซองทิพย์ เสริมสวัสดิ์ศรี ผู้อำนวยการฝ่ายมิวเซียมสยาม กล่าวว่า นอกจากนี้ทางมิวเซียมสยามยังมีการรวบรวมบัตรท่องเที่ยวนิทรรศการในชื่อ Muse pass บัตรเดียวเที่ยว 63 พิพิธภัณฑ์ทั่วไทย ที่จำหน่ายในราคาพิเศษเพียง 299 บาทเท่านั้น เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและช่วยลด ค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองในการพาบุตรหลาน เข้าชมนิทรรศการ
"ปิดเทอมสามเดือน คนเป็นพ่อแม่คงกลุ้มใจว่าจะพาลูกไปไหนดี เราไม่ได้มีแต่กิจกรรมพิพิธภัณฑ์อย่างเดียว แต่เรายังเป็นศูนย์รวบรวมแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจ ในประเทศไทยไว้ในเว็บไซต์อีกด้วย โดยทุกคนสามารถเข้าไปดูรายละเอียดที่เว็บไซต์ของมิวเซียมสยามได้ค่ะ"
ขณะที่รุ่นเล็กหรือวัยประถมเลือกที่จะสนุกกับกับกิจกรรมเสริมการเรียนรู้ แต่สำหรับรุ่นโตแล้วคงมีไม่น้อยที่อยากใช้เวลากว่าสามเดือนนี้หารายได้พิเศษ นำไปใช้ ตามเป้าหมายที่ตัวเองต้องการหรือซื้อของ ที่อยากได้
เทสโก้ โลตัส เป็นอีกภาคเอกชนที่ เปิดโอกาสให้น้องๆ นักเรียนนักศึกษาสมัครเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ เพื่อหารายได้เสริมในช่วงปิดเทอมเป็นประจำทุกปี เฉลี่ยปีละกว่า 1,500-1,800 คน
จิรภิญญา ธงกลาง ผู้จัดการฝ่ายบุคคล เทสโก้ โลตัส สาขาพระราม 1 เล่าว่า ในแต่ละปีทางห้างเปิดรับสมัครน้องๆ อายุ 15 ปีขึ้นไป ซึ่งจะมาสามารถสมัครได้ที่สาขาของเทสโก้ โลตัสทั่วประเทศ
"หลักเกณฑ์แรกคือต้องมีผู้ปกครอง ให้ความยินยอม น้องๆ สามารถทำงานได้ขั้นต่ำ 4 ชั่วโมงแต่ไม่เกิน 7 ชั่วโมง ในอัตราค่าจ้าง ชั่วโมงละ 50 บาท สำหรับน้องๆ ที่อายุงานหนึ่งปีขึ้นไป เรามีทุนการศึกษาเพิ่มให้ด้วยอีก 10% ของรายได้ทั้งปีที่เขาทำได้
สำหรับตัวน้องๆ การมาฝึกงานเป็นพนักงานที่นี่มองว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับเขาเอง ซึ่งทางบริษัทก็ยินดี เพราะเด็กส่วนใหญ่เป็นเด็กที่มี ความเข้าใจง่าย เรียนรู้เร็วเวลาที่เรา สอนงานเขา ที่สำคัญค่อนข้างเรียบร้อย และมีวินัยดีค่ะ"
"เราจะเห็นว่าเยาวชน ในต่างประเทศที่จะใช้เวลา ช่วงปิดเทอมในการทำงานพิเศษ หรือ ท่องเที่ยวทั่วโลก"