ปิดเกาะ-หยุดเรือรับมือ ‘ปาบึก’

ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ


ปิดเกาะ-หยุดเรือรับมือ 'ปาบึก' thaihealth


แฟ้มภาพ


ย้ำ ครม. หามาตรการรับมือพายุปาบึก กำชับดูแลประมง ท่องเที่ยว การสัญจรพื้นที่ อ่าวไทย-อันดามัน มท.1 ยันระบบเตือนภัย ไร้ปัญหา ขณะที่อุทยานฯแจ้งปิด หมู่เกาะอ่างทองชั่วคราว เกาะสมุย-พะงัน งดเดินเรือ 4-5 ม.ค.  ก.พลังงาน สั่ง 8 บริษัทสำรวจปิโตรเลียมอพยพจากแท่นขุดเจาะ


หลังจากกรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือนพายุโซนร้อน"ปาบึก" (PABUK)บริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง คาดว่าจะเคลื่อนผ่านปลายแหลมญวน และเคลื่อนลงอ่าวไทยในช่วงวันที่ 2-3 ม.ค. 2562 โดยจะมีผลกระทบต่อภาคใต้ในช่วงวันที่ 3-5 ม.ค. 2562 ทำให้มีฝนเพิ่มมากขึ้นพร้อมเตือนประชาชนระวังอันตราย


โดยช่วงวันที่ 3-4 ม.ค. 2562 จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณ จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรัง และสตูล ช่วงวันที่ 4-5 ม.ค. 2562 จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณ จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล


สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร โดยเตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออก ระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กบริเวณอ่าวไทย งดออกจากฝั่งจนถึง 5 ม.ค. 2562 และขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยได้ที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา www.tmd.go.th หรือสายด่วน พยากรณ์อากาศ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การเตรียมรับมือพายุปาบึกว่า ได้เตรียมการตั้งแต่ 2 วัน ที่ผ่านมาแล้ว โดยมีการแจ้งเตือนไปทุกกลุ่มอาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องประมง การท่องเที่ยว และเรื่องการสัญจรไปมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่อ่าวไทย และฝั่งอันดามันด้วย ขอเตือนทุกคนช่วยกันเตรียมการป้องกันตัวเอง ขอร้องภาคเอกชนในการใช้เรือโดยสารก็สั่งห้ามหมดแล้ว และได้ย้ำเตือนในที่ประชุม ครม.อีกครั้งหนึ่ง ขณะเดียวกันกระทรวงมหาดไทย จะประชุมเตรียมการบูรณาการทุกภาคส่วนอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ได้มีการสั่งการไปแล้วทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงท่องเที่ยวฯกองทัพเรือ กองทัพบก กรมเจ้าท่า ซึ่งกระทรวงมหาดไทยจะเป็นแม่งานในการขับเคลื่อน โดยคาดว่าพายุจะเข้าภาคใต้ทั้งหมดของไทยในวันที่ 3 ม.ค.-5 ม.ค.62 ซึ่งเดิมเป็นดีเปรสชัน จะขยายตัวรุนแรงมากขึ้นเป็นพายุโซนร้อน โดยต้องรอดูภาพจำลองอีกครั้ง


ดังนั้นในช่วงนี้อาจมีฝนตกชุกต้องเตรียมการป้องกันน้ำท่วม การแก้ไขเรื่องคมนาคมซึ่งเตรียมการไว้แล้ว แต่ถ้ามีปริมาณฝนตกมากต้องใช้เวลาแก้ไขบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องภัยจากธรรมชาติ ขอให้ประชาชนทุกคนติดตามฟังข่าวสภาพอากาศไว้ด้วย รัฐบาลเองดำเนินการเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบรรเทาอุทกภัย ภัยพิบัติต่างๆ รัฐบาลดำเนินการและบูรณาการใหม่ในเรื่องข้อมูลต่างๆ ความช่วยเหลือ การแก้ไขปัญหาน้ำขังท่วมเหล่านี้ แต่อาจยังไม่สามารถทำได้ 100% เพราะประเทศไทยเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำเสียส่วนใหญ่


พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า จากการประเมินของกรมอุตุนิยมวิทยา ผลจากพายุโซนร้อนจะทำให้คลื่นสูงประมาณ 5 เมตร จึงได้มีการเตรียมความพร้อม สั่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) รับมือ โดยเบื้องต้น ได้มีการประชุมหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง เช่น หน่วยงานรับมือเรื่องไฟฟ้า


ประชาชนในพื้นที่ และท้องที่ สามารถช่วยกันป้องกันในเบื้องต้นได้ เช่น การตรวจดูแผ่นป้ายที่ติดตามเสาไฟเพื่อลดความเสี่ยง และการระบายน้ำหากมีฝนตกหนัก ต้องเตรียมความพร้อมด้านการระบายน้ำด้วย ส่วนระบบเตือนภัยนั้น ยืนยันไม่มีปัญหา เพราะไทยมีทั้งระบบและบุคลากรที่ดีมากในระดับอาเซียน ส่วนสาธารณภัยที่จะเกิดขึ้นจะรุนแรงหรือไม่ต้องขึ้นอยู่กับธรรมชาติว่าจะหนักเพียงใด


กระทรวงพลังงานออกแถลงการณ์กระทรวงพลังงานฉบับที่ 1/2562สถานการณ์พายุโซนร้อน "ปาบึก" ที่ส่งผลต่อการผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทย โดยระบุว่าจากเหตุการณ์พายุโซนร้อนปาบึกบริเวณอ่าวไทย เมื่อ วันที่ 2 ม.ค. 2562 ซึ่งอาจส่ง ผลกระทบต่อกิจกรรมการผลิตปิโตรเลียมในทะเลอ่าวไทย กระทรวงพลังงานได้ประสานข้อมูล สั่งการและติดตามร่วมกับบริษัทผู้ประกอบกิจการปิโตรเลียมในทะเลอ่าวไทยทั้ง 8 กลุ่มบริษัทอย่างใกล้ชิด ซึ่งขณะนี้ได้ มีการถอนตัวเจ้าหน้าที่ที่ไม่จำเป็นในการผลิตกลับขึ้นฝั่ง ณ จังหวัดสงขลาและจังหวัดชลบุรีโดยเรือและเฮลิคอปเตอร์ เรียบร้อยแล้วอย่างปลอดภัย


ผลจากพายุโซนร้อนครั้งนี้ บริษัท ผู้ประกอบการจำเป็นต้องหยุดผลิตก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบบางส่วนเพื่อความปลอดภัย ทำให้ปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยลดลงจากการที่แหล่งบงกชเหนือหยุดการผลิตประมาณ 600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันจากปริมาณการผลิตทั้งหมดในอ่าวไทย จำนวน 2,400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน สำหรับน้ำมันดิบหยุดการผลิตประมาณ 27,000 บาร์เรลต่อวันจากปริมาณการผลิตปัจจุบัน 100,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งในส่วนการผลิตน้ำมันดิบที่ลดลงนั้นยังไม่ส่งผลกระทบ ต่อการใช้ในประเทศ


เตรียมพร้อมพลังงานทดแทน กระทรวงพลังงานได้เตรียมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยใน การบริหารจัดการก๊าซธรรมชาตินั้น บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) จะส่งก๊าซธรรมชาติที่ถูกทำให้เหลว (LNG) เข้าระบบเพิ่มขึ้น เพื่อทดแทนปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติที่ลดลง ในส่วนการผลิตไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้สำรองจากเชื้อเพลิงอื่นมากขึ้น โดยได้สำรองน้ำมันดีเซล และน้ำมันเตาทดแทนการใช้ก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าอย่างเพียงพอหากจำเป็น รวมถึงการนำเข้าไฟฟ้าพลังน้ำจากต่างประเทศ


สำหรับก๊าซหุงต้ม หรือ LPG ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ส่งเข้าโรงแยกก๊าซลดลง กรมธุรกิจพลังงานและบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) จะบริหารจัดการให้มีปริมาณ LPG เพียงพอต่อการใช้ของประชาชนในภาพรวมกระทรวงพลังงานสามารถบริหารจัดการโดยไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชน และจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและจะแจ้งให้ทราบอย่างต่อเนื่องต่อไป


นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี ได้มีหนังสือด่วนให้อำเภอ ท่าชนะ ไชยา ท่าฉาง วิภาวดี พนม พระแสง ชัยบุรี คีรีรัฐนิคม เวียงสระ กาญจนดิษฐ์ เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัย น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และ อ.ท่าชนะ ไชยา ท่าฉาง พุนพิน เมือง กาญจนดิษฐ์ ดอนสัก เกาะสมุย และ อ.เกาะพะงัน ที่เสี่ยงสถานการณ์คลื่นลมแรง ให้แจ้งประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมรับสถานการณ์


ขณะที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคทุกสาขา ควบคุมการเดินเรืออย่างใกล้ชิด เรือประมง เรือโดยสาร และเรือเฟอร์รี่ เดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 6 ม.ค.2562 ให้อุทยานแห่งชาติ ทุกแห่ง ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นน้ำตก ถ้ำ ให้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ถ้าสถานการณ์วิกฤติให้ดำเนินการปิดหรือห้ามเข้าโดยเด็ดขาด


สำหรับอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชม. และแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ทั่วถึง และให้ติดตามการแจ้งเตือนจากหน่วยงานภาครัฐ หากเกิดสถานการณ์ภัยขึ้น ให้แจ้งที่ 077-275-551


ในส่วนของการเดินทางข้ามฟากไปเกาะสมุย เกาะพะงัน บริษัทเรือเร็วลมพระยา ได้ประกาศแจ้งหยุดเดินเรือทุกเส้นทาง ในวันที่ 4-5 ม.ค. เนื่องจากมีพายุพัดผ่าน ซึ่งอาจเกิดอันตรายต่อการเดินเรือได้ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นสำคัญ รวมทั้งอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ได้ประกาศปิดการท่องเที่ยว 3 วันระหว่าง 3-5 ม.ค.เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเช่นกัน


ขณะที่ชาวประมงในจังหวัดชุมพรแจ้งว่า ขณะนี้ เรือขนาดเล็ก ไม่ออกไปทำประมง เรือขนาดใหญ่ได้เข้าแอบตามเกาะต่างๆแล้วเพื่อความปลอดภัยส่วน ชาวประมงพื้นบ้านที่บ้านบ่ออิฐ ต.เกาะแต้ว อ.เมือง จ.สงขลา ได้นำเรือประมงขึ้นจากทะเลมาไว้บนชายหาดบ้านบ่ออิฐ เก็บเครื่องมือประมงวางเรียงไว้บนเรือและใช้ผ้าใบคลุม รวมทั้งเครื่องยนต์เรือด้วย


ที่ริมอ่าวท่าศาลา ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ชาวบ้านต่างอพยพเรือประมงไปเก็บในคลองชั้นในเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้จากสภาพคลื่นลมที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น รวมทั้งลากขึ้นมาไว้บนฝั่งไว้ก่อนเพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

Shares:
QR Code :
QR Code