ปักหมุดจุดเผือก “เผือก” อย่างไรให้สร้างสรรค์
เรื่องโดย : ดนยา สุเวทเวทิน Team Content www.thaihealth.or.th
ข้อมูลประกอบจากเวทีเสวนา "ความรุนแรงเป็นเรื่องรอบตัว" ห้องย่อยที่ 5 งานประชุมวิชาการและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ "เสียงที่คนอื่นไม่ได้ยิน : ประชากรกลุ่มเฉพาะ Voice of the voiceless : the vulnerable populations"
ภาพโดย สสส. และ ณัฐพร ชุ่มลือ Team Content www.thaihealth.or.th
“เผือก” นอกจากจะเป็นชื่อไม้ล้มลุกมีหัว ชนิด Colocasia esulenta (L.) Schott ในวงศ์ Araceae ต้นและใบคล้ายบอน สามารถนำมาทานได้แล้วนั้น ในปัจจุบันยังถูกใช้เป็นคำแสลงที่มีนัยยะอีกอย่างหนึ่งหมายความว่า คนที่มีความสนใจใคร่รู้ในเรื่องราวใด ๆ เช่น ชีวิตคู่เพื่อนร่วมออฟฟิศ ชีวิตการทำงานของเพื่อนร่วมห้อง หรือแม้กระทั่งเรื่องราวจากข่าวคราวของดารานักแสดงที่กำลังเป็นกระแสสังคมอยู่ ณ ขณะนั้น
“เผือกให้สุด แล้วหยุดที่ไม่ได้นอน” เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยเป็นกับการที่ตามสืบเสาะเรื่องราวใด ๆ เผลอไถโทรศัพท์จนรู้ตัวอีกทีก็ควรบอกตัวเองให้หยุดและวางโทรศัพท์นอนได้แล้ว เมื่อใคร ๆ ก็ชอบเผือก และเผือกก็กลายเป็นคำแสลงที่มีนัยยะซ่อนอยู่ในตัว เครือข่ายเมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิง โดย องค์การแอ็คชั่นเอด (Actionaid) แผนงานสุขภาวะผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เครือข่ายสลัม 4 ภาค และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้สร้างกิจกรรม “ปักหมุดจุดเผือก” ขึ้น เพื่อชวนให้ทุกคนในสังคมมาร่วมกันทำปฏิบัติการณ์ #ทีมเผือก
ตุลย์ ปิ่นแก้ว เครือข่าย Side Kick คู่หูสร้างการเปลี่ยนแปลง เครือข่ายเมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิง เล่าว่า #ทีมเผือก คือการชวนให้ทุกคนร่วมกันออกมาแสดงพฤติกรรม “ไม่นิ่งเฉย” เมื่อพบเจอเหตุการณ์ลวนลามหรือคุกคามทางเพศในพื้นที่สาธารณะ พร้อมเข้าไปช่วย “เผือก” เพื่อช่วยเหลือเหยื่อผู้ถูกกระทำ จากการทำงานวิจัยพบว่า ร้อยละ 45 ของผู้ตอบแบบประเมินเคยเจอเหตุการณ์ลวนลามหรือคุกคามทางเพศระหว่างการเดินทางบนรถสาธารณะ และมีเพียงร้อยละ 20 เท่านั้นที่พร้อมเข้าช่วยเหลือเหยื่อ
เผือก…อย่างไรให้สร้างสรรค์
“เผือก ในสมัยนี้เป็นคำ negative เราจึงอยากพลิกให้เป็น positive จึงใช้คำว่า ‘เผือก’ เป็นหนึ่งในกิจกรรมแคมเปญแก้ไขภัยคุกคามทางเพศ ช่วงแรกเราเริ่มจาก #พนักงานเผือก ประจำรถขนส่งมวลชน ด้วยการจัดอบรมวิธีการรับมือ ผลักดันให้เปิด hotline สายด่วน และติดตั้งกล้อง CCTV บนรถโดยสารสาธารณะ หลังจากนั้นจึงเกิด #ทีมเผือก ที่ให้ประชาชนทุกคนในสังคมร่วมกันสอดส่องเป็นหูเป็นตาตามมาทีหลัง ด้วยความกลัวและความอายที่ถูกกระทำ ทำให้เหยื่อหลายคนไม่กล้าพูด ไม่กล้าเรียกคนให้ช่วย ไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอย่างไร จนบางคนอาจจะมีภาวะหวาดระแวงเมื่อต้องใช้บริการระบบสาธารณะอีกครั้ง เราจึงต้องรณรงค์ให้สังคมช่วยกันแชร์วิธีเผือก เพื่อยุติภัยคุกคามทางเพศบนระบบขนส่งสาธารณะ เพราะมีผู้โดยสารจำนวนไม่น้อยที่กำลังเผชิญกับภัยคุกคามนี้”
ที่ผ่านมาทางเครือข่าย สร้างกิจกรรม จัดงานเพื่อนำภัยที่เกิดขึ้นจริงมาจัดแสดงให้คนเข้าใจ เช่น แคมเปญ Don’t tell me how to dress ของคุณซินดี้ สิรินยา บิชอฟ ที่จัดทำวิดีโอจำลองสถานการณ์ จัดกิจกรรมศิลปะป้องกันตัวเมื่อเจอภัย นำเสนอข่าวในสื่อต่าง ๆ ทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจถึงปัญหานี้มากขึ้น โดยในปัจจุบันมีคนร่วมขบวนการ #ทีมเผือก กว่า 800 คน
#ทีมเผือก มารวมตัวกันตรงนี้
ปักหมุดจุดเผือก ภายใต้เมืองปลอดภัยเพื่อผู้หญิง จะบอกว่าพื้นที่สาธารณะมีตรงไหนที่เสี่ยงหรือไม่ปลอดภัยบ้าง โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษา คนทำงาน เรามีเครือข่ายร่วมกันทำสื่อออนไลน์ วางผังเมือง ทำจุด hotspot จากจุดเสี่ยงที่ #ทีมเผือก ส่งเข้ามาบอกเตือนภัย โดยเบื้องต้นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ทั้ง 2 วิทยาเขตได้ร่วมกับนักศึกษาจัดกิจกรรมเพื่อแก้ลดจุดเสี่ยงในพื้นที่ เพราะทางเครือข่ายฯ มองว่า เราทุกคนมีสิทธิที่จะได้อยู่อาศัยในเมืองที่ปลอดภัย (Rights to the City) แม้แต่การเดินทางโดยใช้บริการรถโดยสารสาธารณะก็ตาม
เพราะผู้ตอบแบบสอบถามถึง 1 ใน 3 เคยถูกล่วงละเมิดทางเพศขณะใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นบนรถเมล์ รถตู้ รถแท็กซี่ รถไฟฟ้า และรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซึ่งการถูกลวนลามก็มีตั้งแต่ ถูกเนื้อต้องตัว ลูบคลำ มองหน้าอก จ้องคอเสื้อ พูดจาแทะโลม เบียดเข้ามาประชิดตัว โชว์อวัยวะเพศ ไปจนถึงใช้อวัยวะเพศถูไถร่างกายและสำเร็จความใคร่ให้เห็น
“เผือกให้สุด แล้วอย่าลืมปักหมุดด้วยนะคะ” มาร่วมกันสร้างเมืองไม่เพียงปลอดภัยแต่เฉพาะผู้หญิงเท่านั้น แต่เป็นเมืองที่ปลอดภัยเพื่อคนทุกเพศ ทุกวัยกันดีกว่า สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.teampueak.org หรือเฟซบุ๊ก facebook.com/SafeCitiesForWomen/ หรือพบเห็นเหตุที่ไม่ปลอดภัยต่อผู้หญิงบนรถเมล์ โทรศัพท์แจ้งสายด่วน ขสมก. 1348 นะคะ