ปลุกเด็กไทยโตไปไม่โกง เป็นคนดี-มีงานทำ

เครือข่ายองค์กรภาคีสีขาวปลุกเด็กไทยโตไปไม่โกง จัดทำสมุดบันทึกให้สะสมแต้มความดีทุกครั้งที่เข้าร่วมกิจกรรม ปลูกฝังนิสัยกล้าทำดี มีจิตสาธารณะ จับมือบริษัทเอกชนให้สัญญาเปิดรับเยาวชนนำสมุดบันทึกความดีเป็นหลักฐานพิจารณาเข้าทำงาน

ปลุกเด็กไทยโตไปไม่โกง เป็นคนดี-มีงานทำ

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2555 ที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร ปทุมวัน สำนักงานทูตความดีแห่งประเทศไทย ร่วมกับองค์กรภาคีสีขาวทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมจัดกิจกรรม “รวมพลคนต้านโกง” โดยเปิดเวทีความดีให้เยาวชนทั่วประเทศแสดงพลังต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น โตไปต้องไม่โกง และมีนวัตกรรมขับเคลื่อนความดีในรูปแบบการจัดทำหนังสือเดินทางแห่งความดี สมุดบันทึกความดี เพื่อมุ่งปลูกสำนึกเยาวชนทำดีทุกรูปแบบ ปลูกฝังอุปนิสัยที่ดี มีจิตอาสา เสียสละ ซื่อตรงโปร่งใส มีวินัย กล้าทำความดีในระดับบุคคลและองค์กร โดยยึดหลักแนวคิดที่ว่า ความดียิ่งพูด ยิ่งทำ ยิ่งมีพลัง

นางทยา ทีปสุวรรณนางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นเป็นมะเร็งร้ายที่ฝังรากลึกมาอย่างยาวนานในสังคมไทย จึงอยากขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันเข้ามาแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง โดยกรุงเทพมหานครได้เปิดหลักสูตร “โตไปไม่โกง” ในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร เน้นให้เยาวชนมีความซื่อสัตย์สุจริตมีจิตสาธารณะ มีความเป็นธรรมทางสังคม กระทำการต่างๆ อย่างรับผิดชอบ และส่งเสริมความดีอย่างต่อเนื่องของเยาวชนมากว่า 2 ปี โดยจัดอบรมในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และในอนาคตมีเป้าหมายว่าจะจัดอบรมถึงในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและมหาวิทยาลัย เพื่อปลูกฝังให้เยาวชนเติบโตไปไม่โกง ขณะนี้มี 346 โรงเรียนของ กทม.เข้าร่วมโครงการ

นางทยากล่าวว่า เมื่อเรามีการจัดกิจกรรมในระยะยาว ก็จะเป็นการเริ่มปลูกฝังจิตสำนึกให้แก่เด็ก เยาวชน ให้เป็นกำลังสำคัญของประเทศต่อไป ต้องจัดกิจกรรมและให้ความสำคัญกับเด็กเมื่อเด็กทำความดีเพื่อที่เขาจะได้รู้สึกว่าทำดีไปแล้วมีคนเห็นคุณค่าเด็กจะได้มีกำลังใจทำความดี ซึ่งปัจจุบันมีการคอรัปชั่นเป็นจำนวนมากในหลายรูปแบบ และเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับเด็กไทย สังคมสมัยนี้คนทำดีแล้วไม่ได้ดีเป็นส่วนใหญ่ คนทำชั่วกลับได้ดี เมื่อเด็กเยาวชนเห็นแล้วก็ทำให้ไม่เกิดแรงบันดาลใจในการทำดี เมื่อเราพยายามจะผลิตเด็กที่ดีมีคุณภาพเข้าสู่สังคมไทย เราก็ต้องมีตัวอย่างที่ดีให้เด็กเห็น เพราะฉะนั้นเราต้องมีกำลังเสริมที่จะช่วยในการต่อต้านคนโกง คนทุจริต และควรผลิตสิ่งใหม่ๆ ให้เด็ก

ปลุกเด็กไทยโตไปไม่โกง เป็นคนดี-มีงานทำ

หนังสือเดินทางแห่งความดี ซึ่งเกิดจากแนวคิดที่ว่า ในอดีตเราไม่มีเครื่องมือในการวัดผลหรือประเมินผลการทำความดีอย่างเป็นรูปธรรม เราพูดแต่ว่าส่งเสริมคนดี แต่ไม่มีอะไรการันตีถึงพฤติกรรมและอุปนิสัยที่ดี จึงทำให้ต้องสร้างสมุดบันทึกนี้เพื่อส่งเสริมคนดีให้ทำดี และได้สะสมแต้มความดีในการเข้าร่วมกิจกรรมแต่ละครั้งของสถาบันการศึกษา โดยความร่วมมือจากองค์กรเอกชน บริษัท ห้างร้านต่างๆ ที่สนับสนุนแนวคิดนี้” รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าว

องค์กรภาคีสีขาวประกอบด้วยหน่วยงานต่างๆ มุ่งเน้นในหลักการ 4 ข้อ ดังนี้ 1.ไม่ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้อง กับอบายมุขทั้งปวง และปฏิเสธการทุจริตคอรัปชั่นในทุกกรณี 2.เกณฑ์ในการรับสมัครพนักงานใหม่จะให้ความสำคัญกับการทำความดี กิจกรรมจิตอาสา ไม่พิจารณาเฉพาะใบแสดงผลการศึกษา 3.เกณฑ์ในการ ประเมินผลงานพนักงานประจำปีจะให้ความสำคัญกับกิจกรรมจิตอาสาที่ได้ทำอย่างต่อเนื่องและ 4.เปิด โอกาสให้นักเรียนนักศึกษาที่ทำความดีอย่างต่อเนื่องเป็นรูปธรรม หรือได้ผ่านโครงการทูตความดีแห่งประเทศไทยเข้าฝึกงานหรือทำงานในองค์กร

นางผาณิต นิติทัณฑ์ประภาส นางผาณิต นิติทัณฑ์ประภาส ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า เด็ก เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการเปรียบเสมือนเมล็ดพันธุ์ที่จะเจริญเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ในภายภาคหน้า เป็นอนาคตของชาติ ซึ่งเมื่อถึงอายุเกณฑ์ที่ต้องเลือกตั้งต้องเลือกคนดีมาปกครองประเทศ และใช้อำนาจในทางที่ถูกต้อง ปัจจุบันประเทศไทยได้ออกกฎหมายป้องกันการคดโกง และผู้ที่มีอำนาจมักใช้ในทางที่ผิด จึงเกิดองค์กร ป.ป.ช. แต่ด้วยกำลังไม่เพียงพอจึงทำให้คนโกงยังทำผิดต่อไป

“อยากให้เด็กร่วมกันต่อต้านผู้ที่ทุจริตคอรัปชั่น ประพฤติตนในทางที่ดีเพื่อให้คนชั่วได้หมดไปจากประเทศไทย รวมถึงฝากฝังและขอความร่วมมือจากเด็กและเยาวชนในการรณรงค์ช่วยกันเพื่อทำให้บ้านเมืองไทยใสสะอาด และเลือกคนที่ดีและใช้อำนาจที่ถูกต้องเข้ามาปกครองประเทศไทย” นางผาณิตกล่าว

ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

Shares:
QR Code :
QR Code