ปลุกเด็กยุคใหม่สนุกกับ “งานบ้าน”
ที่มา : http://talkaboutsex.thaihealth.or.th
หากพูดถึง "งาน บ้าน" กลายเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับเด็กยุคใหม่ไปเสียแล้ว ส่วนหนึ่งเพราะทัศนคติอันเนื่องมาจากกระแสการแข่งขันในสังคม ซึ่งส่งผลให้พ่อแม่กลุ่มหนึ่ง ต่างผลักดันให้ลูกมุ่งเรียน เพื่อแย่งชิงโอกาสทางการศึกษา ขณะที่งานบ้านปล่อยให้ตกมาเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ พี่เลี้ยง หรือแม่บ้านแทน
เมื่อเป็นเช่นนี้ ดร.วรนาถ รักสกุลไทย นักการศึกษาและกรรมการสมาคมอนุบาลแห่งประเทศไทย เผยถึงแนวโน้มของเด็กไทยในทศวรรษที่ 21 ว่า เด็กจะขาดวินัย และความรับผิดชอบ เพราะแม้แต่เวลาไปโรงเรียน พ่อแม่ยังช่วยแบกเป้ สะพายกระเป๋า ถือปิ่นโต ห้อยกระติกน้ำแทนลูก ดังนั้นถ้าพ่อแม่สอนให้ลูกรู้จักช่วยเหลือตัวเอง ถือเป็นจุดเริ่มต้นการสอนให้ลูกมีความรับผิดชอบ รู้จักหน้าที่ มีระเบียบวินัย กล้าเผชิญกับปัญหา แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้
อย่างไรก็ดี หนึ่งในงานที่ช่วยฝึกหน้าที่ และความรับผิดให้เด็กได้ดีนั้น คือ "งานบ้าน" เพราะถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ลูกควรจะมีส่วนร่วมอย่างเหมาะสมในแต่ละวัย ฝึกให้เด็กเรียนรู้ทักษะการใช้ชีวิต เนื่องจากเด็กจะเรียนรู้ได้ดีผ่านการเล่น พ่อแม่ต้องทำให้งานบ้านเป็นเรื่องเล่นๆ สำหรับเด็ก ทำให้ลูกรู้สึกว่าอยากทำ และเชื่อว่าสามารถทำได้ โดยเริ่มจากเรื่องง่ายๆ เช่น การมีน้ำใจหยิบน้ำเย็นๆ มาให้ญาติผู้ใหญ่ดื่ม หรือให้กับคุณพ่อคุณแม่ที่กลับจากทำงานนอกบ้านมาเหนื่อยๆ
"เด็กอนุบาลวัย 3 ขวบขึ้นไป สามารถสื่อสารกับผู้ใหญ่อย่างเข้าใจได้ แต่ต้องใช้เวลา ซึ่งพ่อแม่ต้องมีความอดทนในการสอนงานบ้านให้กับลูก อย่าดูถูกความสามารถของลูก ให้เวลากับเขาได้ใช้ความพยายาม อาจมีการท้าทายแบบชักชวน เช่น การขัดรองเท้าว่าวันนี้ลูกขัดรองเท้าข้างซ้ายสะอาดกว่าข้างขวาอีกนะ แล้วจะทำยังไงให้มันสะอาดเหมือนกันดีค่ะ เด็กจะพยายามทำให้รองเท้าคู่นั้นสะอาดเหมือนกันได้" กรรมการสมาคมอนุบาลฯ อธิบาย
สำหรับข้อควรระวัง ดร.วรนาถย้ำว่า เมื่อต้องการให้ลูกมีส่วนร่วมในงานบ้าน พ่อแม่ไม่ควรใช้คำสั่งกับลูก เพราะเด็กจะคิดทันทีว่าถูกจำกัดอยู่ในกรอบ ทางที่ดีควรพูดชักชวนให้มาร่วมทำกิจกรรมด้วยความสนใจเอง โดยใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมกับเด็ก นอกจากนี้ควรมีคำชมให้ลูกทุกครั้ง เมื่อลูกทำความดี เป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับลูก เช่น "วันนี้หนูเก่งจังเลยคะ หนูล้างจานได้ตั้ง 5 ใบ ได้เยอะกว่าเมื่อวานอีก" คำพูดเหล่านี้ จะช่วยให้เด็กมีกำลังใจ และเกิดความพยายามที่จะทำต่อให้ดีขึ้นกว่าเดิม
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาของเด็กอนุบาลรายนี้ได้ยกตัวอย่างจากครอบครัวของ ตัวเธอไว้เป็นแนวทางว่า สมัยก่อนครอบครัว เป็นชาวประมง มีกิจวัตรประจำวันหลังอาหารมื้อเย็นที่ทุกคนในบ้านต้องรับผิดชอบ ด้วยกันคือ นั่งล้อมวงกันเพื่อช่วยกันเก็บเศษไม้ใบหญ้าที่ติดมากับกุ้ง หอย ปู ปลาที่หามาได้ ทุกคนจะไม่คิดว่าเป็นการทำงานเลย
นอกจากนี้ ยังมีเกมที่ดึงเด็กให้สนุกกับงานบ้าน ชื่อว่า "งานบ้านตามล่ามหาสมบัติ" โดยเกมนี้ ดร.วรนาถ เล่าว่า คุณตาคุณยายมักจะชอบวางเงินไว้ตามใต้แจกัน หลังตู้เสื้อผ้า บนเก้าอี้ หลานๆ คนไหนขยันทำความสะอาด หรือว่าทำงานบ้านก็จะได้เงินไป เหมือนเป็นเกมตามล่ามหาสมบัติ สร้างแรงจูงใจในตัวเธอ และพี่น้อง ขยัน ที่จะทำงานบ้านอย่างเต็มที่ และสนุกในเวลาเดียวกัน
แม้ว่า "งานบ้าน" จะถูกมองว่าเป็นเรื่องไม่จำเป็น แต่เป็นงานที่สอนให้เด็กรู้จักหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ถ้าพ่อแม่ทำให้เป็นเรื่องสนุก และเลือกทำอย่างเหมาะสม ถึงจะทำได้ไม่เต็มที่ อย่างน้อยลูกจะได้ซึมซับความรับผิดชอบ หน้าที่ และการช่วยเหลือคนอื่น ไม่เห็นแก่ส่วนตนเพียงอย่างเดียว