“ปลอดบุหรี่” ท้องถิ่นทำได้

          เครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ 58 อปท. ลงนาม MOU ร่วมแก้ปัญหายาสูบในพื้นที่ มั่นใจช่วยแก้ปัญหา ลด ละ เลิก บุหรี่ สร้างเสริมสุขภาวะชุมชน หลังพบตัวเลขนักสูบเขตชนบทสูงกว่าเขตเมือง

/data/content/24225/cms/e_cfhiopwx1578.jpg

          เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี จ.ลพบุรี มีการประชุมสร้างการเรียนรู้และพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมมือเครือข่ายร่วมสร้างนวัตกรรมควบคุมการบริโภคยาสูบโดยเอาพื้นที่เป็นตัวตั้ง จัดโดยสำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน (สำนัก 3) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่

          โดย นายธวัชชัย ฟักอังกูร ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหารแผน คณะที่ 3 สสส. กล่าวว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ระดับตำบลที่ร่วมลงนามตามความสมัครใจเพื่อดำเนินการแก้ปัญหาการบริโภคยาสูบครั้งนี้ จำนวน 58 แห่งจากทั่วประเทศ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นตำบลที่มีทุนและศักยภาพที่เข้มแข็ง เป็นตำบลที่ประสบความสำเร็จในการเป็นตำบลสุขภาวะของสสส.แล้วทั้งสิ้น สำหรับการเป็นตำบลสุขภาวะตำบลจะดำเนินการศึกษา ค้นคว้าปัญหาของชุมชนและร่วมกันแก้ปัญหา สำหรับการลงนามครั้งนี้ จะเป็นการกำหนดประเด็นเรื่องยาสูบให้ตำบลดำเนินการแก้ปัญหาในพื้นที่ โดยมี สสส.เป็นฝ่ายสนับสนุน เช่น จัดทำคู่มือการดำเนินการงานของพื้นที่อื่นๆที่ประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหายาสูบเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานในพื้นที่ของตัวเองต่อไป

           “มั่นใจว่าการนำปัญหาเรื่องยาสูบไปให้ตำบลสุขภาวะที่เรียนรู้วิธีการทำงานในชุมชนอยู่แล้วดำเนินการแก้ปัญหา จะช่วยให้ภารกิจโดยภาพรวมของ สสส.ประสบผลสำเร็จมากขึ้น มีตั้งเป้าจะขยาย อปท .ร่วมแก้ปัญหายาสูบในท้องถิ่นจาก 58 แห่ง เป็น 100 แห่ง ในปี 2557 “นายธวัชชัยกล่าว

          น.ส.ดวงพร เฮงบุณยพันธ์ ผอ.สำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน  สสส. กล่าวเสริมว่า  สสส.ได้ร่วมขับเคลื่อนเครือข่ายร่วมสร้างชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ เพื่อที่จะการนำพาชุมชนไปสู่การจัดการตนเอง  และร่วมสร้างพื้นที่ของตนเองให้เป็นตำบลน่าอยู่ ซึ่งการควบคุมการบริโภคยาสูบโดยเอาพื้นที่เป็นตัวตั้ง เป็น 1 ใน 6 ประเด็นการลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพที่สำคัญ โดย สสส.ได้มีการทำงานร่วมกันกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ในการสนับสนุนการดำเนินการของกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ซึ่งขณะนี้มีอปท.เข้าร่วมดำเนินการในเรื่องต่างๆ จำนวนมาก เช่น ประเด็นระบบการดูแลผู้สูงอายุ 400-500 แห่ง การควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และลดอุบัติเหตุจราจร 120 แห่ง และเกษตรกรรมยั่งยืนสู่อาหารเพื่อสุขภาวะ 400-500 แห่ง

          ผศ.ดร.ลักขณา เติมศิริกุลชัย อาจารย์ประจำคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เมื่อปี 2534  อัตราการสูบบุหรี่ของคนไทย จำนวน 12.2 ล้านคนหรือคิดเป็น 32 % และมีการลดลงตามลำดับจนเมื่อปี 2554 คนไทยสูบบุหรี่ราว 11 ล้านคน หรือ 21.4 % แต่หากแบ่งเป็นเขตเทศบาลและเขตชนบท พบว่า ในปี 2554  เขตเทศบาลมีอัตราการสูบบุหรี่ 3.5 ล้านคนหรือ 17 % และเขตชนบท จำนวน 8.9 ล้านคน หรือคิดเป็น  23.4 %  ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการแก้ปัญหาการสูบบุหรี่ที่ผ่านมาเข้าไม่ถึงพื้นที่ชนบท ดังนั้น หากให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)ซึ่งอยู่ในพื้นที่ชุมชนนั้นๆ เข้ามาส่วนร่วมในการส่งเสริมสนับสนุนการแก้ปัญหาจะทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ได้มากขึ้น นำไปสู่การลดการบริโภคยาสูบ

          นางชยภรณ ดีเอม อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ กล่าวว่า ส่วนของการจัดการความรู้และพัฒนาแนวทางสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมสร้างเสริมสุขภาวะเด็กและเยาวชนโดยเอาพื้นที่เป็นตัวตั้งนั้น ชุมชนท้องถิ่นต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาวะของเด็กและเยาวชนเพราะเป็นภารกิจหลักที่ต้องดำเนินการเพื่อให้เด็กและเยาวชนในพื้นที่มีความมั่นคงในชีวิต การประกอบอาชีพ การศึกษา การมีความสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ  มีคุณธรรม และมีส่วนร่วมการเป็นพลเมือง โดย อปท.จะต้องมีการตั้งคณะทำงานด้านเด็กและเยาวชน โดยมากกว่าครึ่งต้องเป็นตัวแทนเด็กและเยาวชน เพื่อดำเนินการจัดทำแผนพัฒนาและขับเคลื่อนการสร้างสุขภาวะ ภายใต้แนวคิดเด็กนำผู้ใหญ่หนุน จะนำไปสู่การสร้างเครือข่ายสนับสนุนขับเคลื่อนวิถีความดีให้กับเด็กและเยาวชน สร้างพลเมืองดีมากขึ้น  ซึ่งขณะนี้มี อปท.เข้าร่วมดำเนินการประมาณ 120 แห่ง

 

 

          ที่มา : สำนักข่าวสร้างสุข

Shares:
QR Code :
QR Code

ใส่ความเห็น

ระบุข้อความ