ปรับ 3 มาตรการสู้หวัด2009 ลด “ตาย-ป่วย”
ในรอบ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 16 – 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 รายใหม่ 2,307 ราย เสียชีวิต 20 ราย เฉลี่ยเสียชีวิต 3 รายต่อวัน ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 6,776 ราย เสียชีวิตสะสม 44 ราย ในจำนวนนี้หายป่วย 6,697 ราย ยังพักรักษาในโรงพยาบาล 35 ราย อาการหนัก 7 ราย ในจำนวนผู้เสียชีวิต เป็นชายและหญิง 22 รายเท่ากัน ผู้เสียชีวิตอายุต่ำสุด 4 เดือน มากที่สุด 91 ปี
ตัวเลขดังกล่าวไม่แตกต่างจากช่วงที่มีการแถลงข่าวรายวัน ไม่เกี่ยวกับโรคมีความรุนแรงขึ้น ทั้งนี้ ในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด พบว่า 29 ราย หรือร้อยละ 66 มีโรคประจำตัว เช่น โรคอ้วน เบาหวาน และความดันโลหิตสูงมากที่สุด อย่างละ 6 ราย ส่วนโรคประจำตัวอื่นที่พบรองมา ได้แก่ โรคไตวาย หัวใจ และมะเร็ง อย่างละ 3 ราย ตั้งครรภ์ 2 ราย ที่เหลือเป็นโรคต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยกว่าปกติ ตับอักเสบเรื้อรัง ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน ปอดอักเสบติดเชื้อซ้ำ ร่างกายพิการ และเด็กเล็กอย่างละ 1 ราย
จากการวิเคราะห์สาเหตุการเสียชีวิตพบว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เข้ารับการรักษาช้า จึงได้รับยาต้านไวรัสไม่ทัน ดังนั้น สธ. จะมีการปรับ 3 มาตรการ คือ
1. ลดการเสียชีวิต ปรับปรุงการรักษาให้ผู้ป่วยได้รับยาเร็วขึ้น กลุ่มมีโรคประจำตัว ตั้งครรภ์ โรคอ้วน และเด็กต่ำกว่า 2 ปี หากติดเชื้อจะมีโอกาสเกิดอาการรุนแรงมากกว่าคนทั่วไป เมื่อมีอาการจึงต้องได้รับยาต้านไวรัสทันที
ส่วนผู้ป่วยทั่วไปหากเป็นไข้ 2 วัน กินยาแล้วไข้ไม่ลดให้ไปพบแพทย์ เพื่อให้ได้รับยาทันที โดยไม่ต้องรอผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพิ่มขีดความสามารถในการดูแลผู้ป่วยหนักในห้องฉุกเฉิน จากการวางทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญจากแต่ละมหาวิทยาไว้ เชื่อว่าจะเห็นผลใน 3 – 4 สัปดาห์ข้างหน้า ทั้งนี้ ได้กำชับให้ผู้ตรวจราชการทุกจังหวัดกำชับพื้นที่ในความรับผิดชอบให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของ สธ. อย่างเคร่งครัด
2. ป้องกันการแพร่กระจายโรค ซึ่งจะกระจายเชื้อจากครอบครัวไปสู่ที่ทำงาน โดยเพิ่มความเข้มข้นการคัดกรองผู้ป่วยในกลุ่มนักเรียน โรงงาน ให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เคาะประตูบ้านแนะนำความรู้ประชาชน เน้นผู้ที่มีโรคประจำตัว จะเน้นขอความร่วมมือผู้ป่วยให้พักอยู่กับบ้านจนกว่าจะหาย และต้องใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ แยกห้อง แยกของใช้ประจำตัว และตามมติ ครม.ประชาชนสามารถหยุดเรียน หยุดทำงานได้โดยไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์
ซึ่งจากการวิเคราะห์ทางวิชาการพบว่าในระยะนี้ การแพร่เชื้อของโรคจะเพิ่มแบบทวีคูณ ผู้ป่วย 1 คน อาจแพร่เชื้อให้ผู้ป่วย 2 คนโดยเฉลี่ย หากสามารถสกัดกั้นในระยะนี้ได้ ก็จะสามารถชะลอการแพร่เชื้อลงได้มาก
3. ให้ความรู้ประชาชน โดย สธ. มอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เป็นประธานศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคในระดับจังหวัด เพื่อประสานเฝ้าระวังและควบคุมโรค และให้ประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ เช่น สธ. หรือ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)
ในสัปดาห์หน้า สธ. จะมีการนำข้อมูลจำนวนนักเรียน นักศึกษาที่ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ภายหลังจากมีการดำเนินการมาตรการปิดสถาบันการศึกษา ว่ามีผู้ป่วยในกลุ่มดังกล่าวเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไร ซึ่งจะมานำเสนอในภาพรวมอีกครั้ง โดยที่ผ่านมาได้ร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในการคัดกรองนักเรียน นักศึกษาที่ป่วยให้พักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน และรายงานอาการมายัง สธ. ทำให้มีระบบการรายงานที่เป็นในทิศทางเดียวกัน
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน
Update 23-07-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก