ปรับพฤติกรรม ลดเสี่ยงโรคหัวใจ
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
แฟ้มภาพ
ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทั่วโลกต่างวิตกกังวล ยังมีอีกหนึ่งภัยเงียบที่หลายคนอาจเป็นโดยไม่รู้ตัว อย่างโรคหัวใจและหลอดเลือด ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนในทุกขณะเวลา
จากสถิติล่าสุดประเทศไทยพบมีอัตราตัวเลขผู้เสียชีวิต ด้วยโรคหัวใจสูงกว่า 20,000 รายต่อปี หรือทุก ๆ หนึ่งชั่วโมงมีผู้เสียชีวิต 2 คน ในโอกาส "วันหัวใจโลก" ซึ่งตรงกับวันที่ 29 ก.ย. ของทุกปี มูลนิธิรามาธิบดีในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์กรการกุศลที่ให้การสนับสนุนงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขเคียงข้างคนไทยมาอย่างยาวนาน ให้ความรู้พร้อมชวนคนไทยทุกคนเป็นส่วนหนึ่งในการ "ให้ (กำลัง)ใจ"
นพ.ธัชพงศ์ งามอุโฆษ อาจารย์สาขาวิชาโรคหัวใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ หัวหน้างานศูนย์รักษาหัวใจ หลอดเลือดและเมแทบอลิซึม คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ม.มหิดล และประธานองค์กรนานาชาติด้านโรคไฟฟ้าหัวใจ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ปี 2020 ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคหัวใจว่า เป็นคำจำกัดความที่ครอบคลุมถึงหลายภาวะและมีหลายชนิด ภาวะหัวใจเต้นผิดปกติสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งกับหัวใจห้องบนและห้องล่าง หากเกิดขึ้นกับหัวใจห้องล่าง คนไข้เสียชีวิตทันทีหรือที่เรียกกันทั่วไปว่าไหลตาย แต่ถ้าหากเกิดกับหัวใจห้องบนส่งผลให้หัวใจเต้นไม่สัมพันธ์กัน หรือเรียกว่า "โรคหัวใจเต้นระริก" ส่งผลให้เกิดลิ่มเลือด ซึ่งมีโอกาสหลุดออกจากหัวใจไปอุดกั้นหลอดเลือดสมอง นำมาซึ่งการเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต
หลายคนไม่รู้ว่าตัวเองมีอาการของโรคหัวใจเต้นระริก โรคประจำตัวบางชนิดหรือหลายพฤติกรรมเสี่ยงในชีวิตประจำวัน ก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหัวใจได้ อย่างผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ผู้ที่มีภาวะไทรอยด์เป็นพิษ โรคไตเรื้อรัง โรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นต้น รวมถึงการสูบบุหรี่จัด ดื่มแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนมากเกินไป รับประทานอาหารที่มีไขมันและคอเลสเตอรอลสูงเป็นประจำ หรือแม้กระทั่งความเครียด เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดหัวใจเต้นระริก และเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้
ปัจจุบันภาวะหัวใจเต้นระริกสามารถรักษาได้หลายวิธี แต่ผู้ป่วยส่วนมากไม่มีสัญญาณเตือนก่อน จึงมักมาพบแพทย์เมื่อช้าไป ดังนั้นควรหมั่นสังเกตตนเอง เช่น การเช็กชีพจรสม่ำเสมอ เป็นการตรวจตัวเองได้เบื้องต้น หรือการตรวจสุขภาพประจำปี เป็นการป้องกันที่ดีที่สุดเพื่อลดความเสี่ยง
สำหรับผู้ที่ต้องการประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในเบื้องต้น สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น "Thai CV risk calcu lator" เพื่อให้ทราบถึงเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตหรือเจ็บป่วย จากโรคเส้นเลือดหัวใจตีบตัน และโรคเส้นเลือดสมองตีบตันในระยะเวลา 10 ปีข้างหน้าได้ด้วยตนเอง ซึ่งแบบประเมินนี้ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ม.มหิดล ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างขึ้น เพื่อติดตามศึกษาปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในประชากรไทย ภายใต้โครงการศึกษาพนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี เพื่อคนไทยทุกคน
ขณะที่ พรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ ผู้จัดการมูลนิธิรามาธิบดีฯ กล่าวว่า นอกจากอยากให้ทุกคนดูแลรักษาสุขภาพกายใจของตัวเอง และคนรอบข้างให้แข็งแรงแล้ว ท่ามกลางสถาน การณ์ที่ผันผวนเช่นนี้ในฐานะตัวแทนของมูลนิธิฯ อยากเชิญชวนทุกคนในสังคมร่วมสืบสานวัฒน ธรรมแห่งการให้และเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อ "กำลังใจ" หยิบยื่นพลังบวกให้กันและกัน ร่วมสร้างและส่งต่อกำลังใจนี้ไปยังผู้ป่วยยากไร้
ผ่านการสมทบทุนกับมูลนิธิรามาธิบดีฯ หรือสนับสนุนของที่ระลึกที่มีสัญลักษณ์หัวใจอินฟินิตี้ เส้นสายหัวใจสีแดงที่ต่อกันเป็นรูป "อินฟินิตี้" ที่ใช้สื่อถึงความหมายของ "คำว่า ไม่สิ้นสุด (infinity)" ทุกกำลังใจ ทุกกำลังทรัพย์ แปรเปลี่ยนเป็นพลังแห่งการให้ที่ยิ่งใหญ่ เพื่อใช้สร้างและพัฒนาให้เกิดความก้าวหน้าทางการแพทย์และความเท่าเทียมในการรักษา ที่มีประสิทธิภาพและทั่วถึง เติมเต็มโอกาสและความหวังในการรักษาที่ดียิ่งขึ้น ให้พี่น้องคนไทยทุกคนต่อไป