ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง `เข็มทิศชี้ทางสังคมไทย`

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์


ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต


ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 'เข็มทิศชี้ทางสังคมไทย' thaihealth


หน่วยงานที่น้อมนำแนวพระราชดำริ "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" ของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาเป็นหลักในการให้การสนับสนุนโครงการทั่วไปแก่ชุมชนในสังคมไทยนานกว่า 6 ปีเต็ม


นั่นเพราะ สำนักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เล็งเห็นว่า การนำแนวคิดดังกล่าวมาปรับใช้ในการพัฒนาชุมชนนั้น ครอบคลุมการทำงานได้ทุกเรื่อง ทั้ง กาย ใจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เนื่องจากแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คือหลักการพัฒนาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลาง ตั้งอยู่บนความไม่ประมาท คำนึงถึงความพอประมาณ มีเหตุผล ตลอดจนใช้ความรู้ความรอบคอบและคุณธรรม ประกอบการวางแผน การตัดสินใจ ส่งผลถึงการกระทำ ก่อเกิดเป็นภูมิคุ้มกันทางสังคมที่ดีให้แก่ชาวบ้านและชุมชน


ทพ.ศิริเกียรติ เหลียงกอบกิจ ผอ.สำนักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม สสส. หัวเรือใหญ่ของเรื่องนี้  กล่าวว่า ช่วงระยะ 6 ปีที่ผ่านมา มีชุมชนที่นำแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปปรับใช้แล้วประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนจำนวนมาก โดยเฉพาะในชุมชนเกษตรกรซึ่งเป็นฐานรากของสังคม หลายชุมชนมีรายได้เพื่อเลี้ยงชีพมากขึ้น สุขภาพของคนในหมู่บ้านดีขึ้นเพราะลดใช้สารเคมี ที่สำคัญปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้หยั่งรากลึกในชุมชน ค่อยๆ ผลิดอกแตกใบกลายเป็นความเข้มแข็ง กลายเป็นความร่วมมืออันดีในพื้นที่ นับเป็นรากฐานสำคัญต่อการทำเรื่องอื่นๆ ต่อไปอีกมาก


ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 'เข็มทิศชี้ทางสังคมไทย' thaihealth


"สสส.ตั้งเป้าหมายให้เกิดชุมชนเข้มแข็งในลักษณะนี้ ให้ได้ 500 ชุมชนทั่วประเทศ ภายใน 3 ปี และพัฒนาเป็นศูนย์การเรียนรู้ชุมชนน่าอยู่ด้วยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" ผอ.สำนักสร้างสรรค์โอกาสและนวัตกรรม สสส.ระบุ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในเรื่องนี้ คือ ชุมชนแห่งการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง "ร่วมสร้างบ้านสำโรง" ตั้งอยู่ใน ต.ท่าสว่าง อ.เมือง จ.สุรินทร์


พีรวัศ  คิดกล้า ตัวแทนโครงการร่วมสร้างบ้านสำโรง ที่ได้รับการสนับสนุนจาก สสส. บอกว่า ที่ผ่านมาชุมชนไม่มีหลักยึดในการพัฒนาพื้นที่ เพื่อไปสู่การเป็นชุมชนสุขภาวะ ขณะที่หลายครัวเรือนใช้สารเคมีปลูกผัก ซึ่งส่งผลกระทบต่อตัวเกษตรและสิ่งแวดล้อมใกล้เคียง ทั้งยังเป็นหนี้มากขึ้น ทั้งชุมชนจึงหารือและได้ข้อสรุปว่าอยากพัฒนาให้ตัวเองกลายเป็นชุมชนเศรษฐกิจพอเพียงที่สามารถพึ่งตนเองได้ และเปลี่ยนจากสารเคมีเป็นเกษตรกรปลูกผักอินทรีย์ จนมารู้จักโครงการของ สสส. จึงได้เข้าร่วม ก่อนนำองค์ความรู้ที่ได้มาเผยแพร่ รวมถึงจัดกิจกรรมต่างๆ ในชุมชน ในลักษณะลงลึกถึงระดับครัวเรือน จนในที่สุดเกิดเป็นความสามัคคีร่วมแรงร่วมใจหวังยกระดับชุมชนของตนเอง


พีรวัศ อธิบายต่ออีกว่า กระบวนการในพื้นที่ จะใช้วิธีจัดประชุมสภาผู้นำชุมชน ชี้แจงโครงการ วางเป้าหมาย ทำความเข้าใจแผนงานร่วมกัน ตลอดจนการติดตามประเมินผล ทบทวนบทบาทหน้าที่ ทบทวนและร่างกติกาครัวเรือน กติกาชุมชนให้มีความครอบคลุมเข้มแข็งสู่ครอบครัวอบอุ่น ชุมชนเข้มแข็ง เช่น  การปลูกผักและสมุนไพร 10 ชนิด  การคัดแยกขยะ ครัวเรือนสะอาดหน้าบ้านน่ามอง  ครัวเรือนปลอดเหล้าปลอดบุหรี่ ครัวเรือนไม่มีเหตุรำคาญทะเลาะเบาะแว้งกัน เป็นสมาชิกกลุ่มอาชีพอย่างน้อย 1 กลุ่ม และมีสวัสดิการครัวเรือน หรือร่วมกิจกรรมและการประชุมหมู่บ้าน ทำบุญใส่บาตรอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง เป็นต้น


นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งกลุ่มงานในชุมชน 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มปลูกผักปลอดสารเคมี กลุ่มทำนาอินทรีย์ กลุ่มทำน้ำยา แชมพู และของใช้ในครัวเรือน และกลุ่มผลิตและแปรรูปสมุนไพร เพื่อขับเคลื่อนไปสู่ชุมชนสุขภาวะ ผ่านการจัดประชุมโดยเชิญพัฒนากรอำเภอมาชี้แนะแนวทางกระบวนการรวมกลุ่ม พร้อมให้เกษตรกรที่ปลูกผักจำหน่าย เกษตรกรที่ทำนาอินทรีย์ ปราชญ์ด้านสมุนไพร แม่บ้านที่มีความรู้ในการทำน้ำยาล้างจาน รวมถึง อสม. และเยาวชนที่สนใจอีกจำนวนหนึ่งเข้าร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ซึ่งกันและกัน  เพื่อนำไปเผยแพร่ต่อในระดับครัวเรือน


"เมื่อชุมชนบ้านสำโรงเริ่มเข้มแข็ง คนในชุมชนเกิดความคิดอยากต่อยอดแบ่งปันความสุขที่มีให้กับพื้นที่อื่นๆ จึงชักชวนให้หมู่บ้านที่ดำเนินโครงการชุมชนน่าอยู่ใกล้เคียงใน ต.ท่าสว่าง อีก 4 หมู่บ้าน มาร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในด้านต่างๆ และจัดมอบประกาศนียบัตรรางวัลครัวเรือนอบอุ่นต้นแบบและรางวัลคุ้มเข้มแข็งน่าอยู่ เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้คนในชุมชนนำสิ่งที่มี ไปปรับใช้ให้พื้นที่กลายเป็นชุมชนน่าอยู่ สุขภาพดี สังคมดี วิถีพอเพียง อย่างยั่งยืนสืบไป และพร้อมกระจายองค์ความรู้นี้ให้แก่พื้นที่อื่นๆ เพื่อสร้างรากฐานให้ประเทศไทยกลายเป็นสังคมพอเพียง พึ่งตนเองได้" ตัวแทนโครงการร่วมสร้างบ้านสำโรง จ.สุรินทร์ กล่าว


เป็นระยะเวลากว่า 40 ปีแล้ว ที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานแนวคิดเรื่องปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้กับคนไทย แม้จะถูกตีความหมายผิดเพี้ยนไปบ้างระหว่างการเดินทาง แต่ ณ วันนี้ ความสำเร็จที่เกิดขึ้นกลายเป็นข้อพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี ว่าแนวคิดดังกล่าวของในหลวงเปรียบได้กับเข็มทิศชี้ทางสร้างความสุขอย่างยั่งยืนให้กับสังคมไทยมากมายเพียงใด

Shares:
QR Code :
QR Code