ประสบการณ์ความผอม แรงบันดาลใจเพื่อคนรักสุขภาพ
ขนาดตัวและน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นทำให้ร่างกายต้องแบกรับภาระมากขึ้น และยังเป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันอุดตันเส้นเลือด และอีกมากมาย ซึ่งโรคต่างๆ เหล่านี้ส่วนหนึ่งล้วนมาจากภาวะน้ำหนักตัวเกินหรือโรคอ้วนนั่นเอง
คงไม่มีใครที่อยากลดน้ำหนักไปตลอดชีวิต เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การลดน้ำหนักที่ถูกต้องของคนเคยอ้วน ศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดกิจกรรม “ผอมเปลี่ยนชีวิต” ให้มาร่วมค้นหาคำตอบไปด้วยกัน ว่าอะไรคือแรงบันดาลใจ และเคล็ดลับความสำเร็จในการพิชิตความอ้วน
นัท-ชนะกุล แย้มบุปผา ผู้เคยอ้วนและผู้เข้าร่วมประกวดแข่งขันรายการ Dance your fat off กล่าวว่า เมื่อก่อนตัวเองเคยอ้วนมีน้ำหนักถึง 130 กิโลกรัม เพราะเป็นคนที่มีความสุขกับการกินมาก กินจุกจิก ชอบทานขนม นอนดึก ซึ่งตอนที่อ้วนนั้นก็สร้างปัญหาและมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นอาการเหนื่อยง่าย โบกมอเตอร์ไซค์แล้วรถไม่รับ หากขึ้นรถสาธารณะก็จะไปเบียดคนอื่น ซึ่งทำให้รู้สึกไม่ดี เหมือนกับเป็นปมด้อย
จนมาวันหนึ่งมีปัญหาสุขภาพเกิดอาการป่วยเป็นโรคไขมันพอกตับ เข้ารับการรักษาด้วยอาการโคม่า จึงตัดสินใจเปลี่ยนตัวเองด้วยการลดน้ำหนัก พอดีกับเพื่อนชวนให้มาร่วมรายการ Dance your fat off จึงสนใจเข้าประกวด ซึ่งแรงบันดาลใจในการลดน้ำหนักก็คืออยากให้แม่สบายใจ ว่าลูกมีสุขภาพที่ดี สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ และมีคนเคยบอกว่าหากตัวเองผอมจะหล่อ จนสามารถลดน้ำหนักลงได้กว่า 50 กิโลกรัม และยังคงออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับคนที่อยากลดน้ำหนัก สิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องของจิตใจ ว่าเรามีความมุ่งมั่น ตั้งใจ มีกำลังใจมากแค่ไหน เราต้องหาแรงบันดาลใจก่อน แล้วค่อยเป็นค่อยไปอย่าหักโหม ใจต้องไปพร้อมกับกาย นอกจากนี้คือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิตด้วยการหันมาออกกำลังกายที่เหมาะสมกับตัวเอง ต้องควบคุมและรู้จักเลือกรับประทานอาหาร โดยมื้อเช้าเป็นมื้อสำคัญที่สุด อย่างด และต้องมีระเบียบวินัยต่อตัวเองให้ได้
นายณัฐวุฒิ สินธนาสกุลวงศ์ นักวิทยาศาสตร์การกีฬา บอกว่า วิธีการคำนวณว่าเราผอมหรืออ้วน ผู้หญิงต้องนำส่วนสูงมาลบกับ110 ส่วนผู้ชายลบ 100 ถ้าออกมาเท่าไหร่ก็คือน้ำหนักของเรา การเริ่มลดน้ำหนักควรตั้งวัตถุประสงค์มุ่งเน้นไปที่เรื่องของสุขภาพก่อนการมีรูปร่างที่ดี ดังนั้นจำเป็นต้องควบคุมอาหารไปพร้อมๆ กับการออกกำลังกาย และตั้งเป้าไว้ที่การออกกำลังกายแบบเพื่อสุขภาพ ที่ช่วยให้ปอด หัวใจ และระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การออกกำลังกายสำหรับคนอ้วนในช่วงแรกไม่จำเป็นต้องออกหนัก อาจใช้การแทรกกิจกรรมการขยับร่างกายเข้ากับชีวิตประจำวัน อย่านั่งติดที่ ลดการนั่งๆ นอนๆ อยู่หน้าทีวี หน้าคอมพิวเตอร์ บนโซฟา ออกมาทำกิจกรรมเบาๆ อย่างทำงานบ้าน เดินหรือปั่นจักรยาน เมื่อเริ่มชินก็ค่อยๆ เพิ่มเวลาและระยะทางให้ไกลขึ้น และเนื่องจากข้อจำกัดทางกายภาพและสรีรวิทยาของคนอ้วน ในการเริ่มต้นนั้นยังไม่แนะนําให้ออกกำลังกายที่มีแรงกระแทก อย่าง วิ่งเหยาะๆ กระโดด เต้นแอโรบิก เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บ อาจใช้การเดินและแกว่งเเขนไปพร้อมๆ กัน วันละ 30 นาที โดยกำหนดเวลาการออกกำลังกายให้เป็นกิจวัตรและต่อเนื่อง
ด้าน โทมัส เนเลแมนส์ หรือโทมัส วงไจแอนท์ โค้ชสอนเต้นจากรายการ Dance your fat off เผยว่า ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียวนั้นไม่ได้ผลมากนัก แต่ต้องรู้จักเลือกรับประทานอาหารด้วย อย่าอด อย่างด อย่าข้ามมื้ออาหาร แต่ควรเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ ทานให้ครบ 5 หมู่ และมีพลังงานที่เหมาะสมกับความต้องการ ลดของทอด ของมัน ของหวาน ของเค็ม งดของกินจุบจิบ ส่วนมื้อเย็นก็ควรรับประทานอะไรเบาๆ เพราะเราไม่ได้ใช้พลังงานอะไร เพียงเท่านี้ การมีรูปร่างที่สมส่วนและสุขภาพที่ดีก็ไม่ใช่เรื่องยาก.
ลดอ้วน ลดโรค
น้องปูเป้-วิภาวี หมอกมี อายุ 11 ปี บอกว่า พอได้เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ทำให้หนูมีแรงบันดาลใจในการลดน้ำหนัก เพราะหนูก็เป็นคนชอบทานขนมและพวกฟาสต์ฟู้ด ซึ่งพอฟังก็รู้ว่าหากอ้วนก็จะเป็นโรคง่าย มีอันตรายต่อสุขภาพมาก นอกจากนี้ยังได้ท่าเต้นในการออกกำลังกายนำไปฝึกเต้นที่บ้านด้วยค่ะ แม้ท่าจะยากหน่อย แต่ก็สนุกมากค่ะ
น้องกรีม-ณรียา สถิต อายุ 11 ปี เล่าว่า หนูไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเท่าไหร่ พอมาร่วมกิจกรรมก็ทำให้หนูได้รับความรู้เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการเลือกรับประทานอาหาร และการออกกำลังกาย ซึ่งหนูเองก็ชอบทานพวกของทอด น้ำอัดลม ต่อไปก็จะค่อยๆ ลดลง เพราะไม่อยากให้สุขภาพอ่อนแอ ป่วยง่าย หากมีโอกาสก็จะออกกำลังกายเพิ่มขึ้นด้วยการเต้นอย่างๆ ที่มีการสาธิตค่ะ.
ที่มา: เว็บไซต์ไทยโพสต์