ประกาศไวรัสโควิด-19 โรคติดต่ออันตราย
ที่มา : แนวหน้า
แฟ้มภาพ
ประกาศไวรัส"โควิด-19"เป็น"โรคติดต่ออันตราย"ลำดับ 14 เพื่อเพิ่มความสามารถในการควบคุมการระบาด เพื่อให้คนทำงานมีความมั่นใจ วิตก 25 ผู้ป่วยต่างชาติอยู่ในไทยเดือนกว่า เกรงแพร่เชื้อให้คนไทย เตรียม 4 รพ.ใหญ่รับระบาดในกทม. นายกฯสั่งผู้ว่าฯ-หน่วยงานเกี่ยวข้องสอบคนจีนป่วยลอบรักษาชายแดนไทย กำชับตรวจเข้มทุกช่องทาง พิษไวรัส "นกแอร์-นกสกู๊ต"เลิกจ้างนักบินครึ่งร้อย สถานการณ์ระบาด ทั่วโลก พุ่งใกล้ 8 หมื่น-ดับ 2.6 พัน เกาหลีใต้ เกิน 800 ดับ 8 อิตาลีตาย 4 ขณะ "คูเวต-บาห์เรน-อัฟกาฯ" พบผู้ติดเชื้อ
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กล่าวว่า ภายหลังจากกระทรวง สาธารณสุขได้ปรับเกณฑ์การเฝ้าระวังโรคทำให้มีผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวังเพิ่มขึ้นวันละกว่า 100 ราย ซึ่งยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม เราได้นำประสบการณ์การแพร่ระบาดที่ประเทศเกาหลีใต้ที่พบว่ามีผู้ป่วยหญิง 1 ราย ที่ป่วยแล้วไปแพร่เชื้อที่โบสถ์และสถานที่ต่างๆ มาปรับใช้กับในประเทศไทย ซึ่งยังไม่พบสถานการณ์ ที่คล้ายคลึงกันแต่จะเฝ้าติดตามอย่าง ต่อเนื่อง
"การเฝ้าระวังตอนนี้ของไทยต้องเฝ้าระวังทั้งคนที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงและเฝ้าระวังคนในประเทศเองเพราะก่อนหน้านี้ที่มีผู้ป่วยต่างชาติ 25 คนนั้น เขามาอยู่ในไทยเดือนกว่าอาจจะมีการแพร่เชื้อในคนไทยด้วยก็ได้ จึงต้องค้นหาให้เจอ" นพ.โสภณ กล่าว
นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ในระยะต่อไปที่จะส่งผลสถานการณ์ในประเทศ มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก จะมาจากการปฏิสัมพันธ์ในสังคมจะเกิดโอกาสในประเทศมีความเสี่ยงมากขึ้นกว่าเดิมจึงต้องมีการย้ำมาตรการเฝ้าระวังโรคในโรงพยาบาลเพิ่มมากขึ้น ดังนี้ 1.การคัดแยก คัดกรองผู้ป่วยระบบทางเดินหายในออกจากผู้ป่วยโรคอื่นๆ 2.ปรับเกณฑ์เฝ้าระวังผู้ป่วยให้เร็ว และกว้าง ต้องมีการฝึกซ้อม รพ.ทุกสังกัดเตรียมรับมือสถานการณ์ทั้งในกทม.และต่างจังหวัด
"โดยเราได้เตรียมสถานที่บุคลากรและเครื่องมือที่พร้อมปฏิบัติงานภายใน 48 ชั่วโมง หากพบสถานการณ์ระบาดระดับ 3 โดยมาตรการก็อยู่ที่ว่าจะเจอผู้ป่วยมากแค่ไหน เบื้องต้นเตรียม รพ.ในสังกัดกรมการแพทย์ได้เตรียม รพ.ราชวิถี,รพ.นพรัตน์, รพ.เด็ก และสถาบันบำราศนราดูร เพื่อรองรับถ้ามีเคสเพิ่มประมาณ 30-40 คน เช่นที่สถาบันบำราศ ส่วนรพ.สังกัดกทม.อื่นๆ และ โรงเรียนแพทย์จะเตรียมการในระยะต่อไป" รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าว