ปฏิรูปการศึกษาเริ่มต้นที่ “ชุมชน”

 

ปฏิรูปการศึกษาเริ่มต้นที่

ปฏิรูปการศึกษาเป็น 1 ใน 10 การปฏิรูปประเทศไทยที่ ศ.นพ.ประเวศ วะสี ริเริ่มหาทางออกให้ประเทศไทยในอีก 10 ปีข้างหน้าโดยไม่ฝากความหวังไว้กับการเมืองที่ยุ่งยากและยุ่งเหยิง แต่เป็นการระดมความช่วยเหลือคนละไม้ คนละมือ

นพ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการ สสค. นพ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) หัวเรี่ยวหัวแรงในการผลักดันให้การศึกษาให้เป็นจริง ยอมรับว่า การปฏิรูปเป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าคนในชุมชนจะทำได้ แต่ด้วยหลักคิดของอาจารย์ประเวศ วะสี ให้มองภาพเล็ก แทนภาพใหญ่ ปัญหาต่างๆ จะคลี่คลายลงได้

โดยเปรียบการแก้ปัญหาเป็นการสร้างเจดีย์ ส่วนสำคัญสูงสุดคือ ยอดเจดีย์ เปรียบได้กับ เป้าหมาย แต่การสร้างเจดีย์ให้สำเร็จต้องเริ่มจากรากฐาน เช่นเดียวกันการปฏิรูปการศึกษา แม้จะเป็นเรื่องใหญ่ แต่หากรอรัฐบาล หรือกรุงเทพมหานครคงไม่สำเร็จ วิธีการที่สัมฤทธิผลน่าจะต้องเริ่มจากสังคม ชุมชน เป็นการลดการผู้กขาดจากส่วนกลาง เพิ่มการมีส่วนรวมของสังคม

เป็นการสร้าง “เจ้าภาพ” ให้รับรู้ปัญหาและสานต่อโครงการ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างสเริมสุขภาพ (สสส.) ใช้ได้ผลมาแล้ว ซึ่งแนวทางนี้นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เห็นด้วยจนเป็นที่มาของการจัดตั้ง สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) หรือ สสส.ในภาคการศึกษา

แต่ยังต้องรอการ “เคาะ” จากภาครัฐ ว่าจะให้ สสค.เดินหน้าบทบาทนี้อย่างไรและเมื่อไร

คุณหมอสุภกร บอกว่า การทำงานของ สสค.จะเน้นการปฏิรูปการศึกษาในส่วนของกระบวนการเรียนรู้ กระบวนการเรียนการสอนซึ่งเป็นเรื่องที่หลายคน “มองข้าม”

“ที่ผ่านมา คนมักจะมองที่โครงสร้าง อาคารสถานที่ แต่ที่จริงการเรียนรู้จะดีมากแค่ไหน ขึ้นกับการเรียนอย่างไร สอนอย่างไร เราจะเห็นแต่วัสดุ อุปกรณ์ แต่ไม่ค่อยเห็นว่าครู นักเรียนเรียนได้ผลไหม แต่การพูดถึงหลักสูตร “คร่าว” ไปเพราะหลักสูตรคือ ตัวเนื้อหา แต่เด็กที่อยู่ในท้องถิ่นต่างๆ วิธีเรียนต้องไม่เหมือนกัน ตัวอย่างในการสอน หากเป็นตัวอย่างใกล้ตัวจะเข้าใจได้ ถ้าไกลเกินไป บางทีเด็กนึกไม่ออก ฉะนั้น กระบวนการเรียนการสอนสำคัญ จะเป็นพิมพ์เดียวกันไม่ได้ การปฏิรูปจึงไม่สามารถสั่งจากตรงกลางได้ก็ต้องมาจากโรงเรียน จากที่ที่เขาเรียนให้เหมาะ” ผู้จัดการ สสค.กล่าว

นอกจากนี้ “ห้องเรียน” ยังเป็นประเด็นปัญหา ทำให้กรอบความคิดกว้าง – แคบ

“เราบอกว่า เราขาดครูที่ขาดความรู้ความเชี่ยวชาญในบางเรื่อง แล้วครูต้องสอนประจำอยู่ที่นั่น แต่ยุคนี้ห้องเรียนอาจจะอยู่ในโรงงาน ชุมชน เอาเกษตรกรที่ทำนาอยู่จริงมาเล่าให้ฟัง ไปดูกันจริงๆ หรือเรียนสิ่งแวดล้อมให้คนในพื้นที่เล่าให้ฟัง แทนที่เราจะคาดหวังว่าครูจะเก่งทุกเรื่องไม่ได้ ประเด็นคือ เราเปิดประตูให้เขารึเปล่าห้องเรียน คือ โลก คือสังคม หากเราเปิดประตูขยายห้องเรียนออกมา ที่เราบอกว่าขาดผู้เชี่ยวชาญ ก็สามารถลดปัญหาลงไป ได้เรียนรู้กับคนที่จริง ทำจริง

บทบาทของครูก็ต้องเปลี่ยนไป จากที่มีหน้าที่สอนลูกศิษย์ ก็ต้องเพิ่มทักษะด้านการจัดการเรียนการสอน มีทักษะในการระดมความรู้ภายนอกเข้ามา

คุณครู rafe esquith

คุณหมอสุภกรยกเรื่องคุณครู rafe esquith ครูประถม 5 ในโรงเรียนเขตยากจน ของนครลอสแองเจลิส ที่เป็น “ครูเพื่อศิษย์” อย่างแท้จริง ครู rafe ไม่ได้สอนวิชาการ แต่สอนวิธีคิด การใช้ชีวิต วิธีหาความรู้

“วิธีหาความรู้ เป็นสิ่งสำคัญในโลกปัจจุบัน เพราะทุกวันนี้โลกหมุนเร็ว หากเรายังยึดตัวคอนเทนท์ให้เด็กไล่ตาม ก็เรียนของเก่า ฉะนั้นหัวใจสำคัญคือ เรียนรู้เป็น ค้นคว้าเป็น ก่อนหน้านั้นคือ มีความต้องการที่จะรู้ ทักษะการเรียนรู้จึงหลายเป็นสิ่งสำคัญอาจจะไม่ใช่เนื้อหา เพราะเนื้อหาเปลี่ยนแปลงเร็ว แต่ถ้าเรียนรู้เป็นเราก็ตามทัน หรืออาจจะนำด้วยซ้ำ”

มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก

ผู้จัดการ สสค.ยกตัวอย่างต่อว่า มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก หนุ่มวัย 26 ปี แต่สามารถสร้างเฟซบุ๊คให้ชาวไซเบอร์คลั่งไคล้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ด้วยวิธีเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพราะหากเขายังคงใช้วิธีเรียนแบบเดิมตามตำรา ก็ไม่มีทางคิดเฟซบุ๊คได้

คุณหมอสุภกร เชื่อว่า ทักษะในการสร้างความรู้ใหม่ ทำให้หลายคนประสบความสำเร็จในชีวิตได้ ไม่ใช่การเรียนในแบบเดิมๆ

“หลักของกระบวนการเรียนรู้ ทั้งตัวเด็กและครู เป็นส่วนสำคัญ และไม่สามารถมีพิมพ์เดียว และห้องเรียนคือโลกของการเรียนและครูต้องทักษะในการจัดกระบวนเรียนการสอนให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมเด็ก” หมอสุภกรย้ำ

 สสค.

โดยยุทธศาสตร์ ของ สสค. เน้น 2 เรื่อง คือ การปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ และการเพิ่มความเท่าเทียมในโอกาสของการเรียนรู้ ด้วย 2 เป้าหมายนี้ และรูปแบบการทำงานที่ให้ได้ผลจริง ล่าสุด สสค.เริ่มจากชุมชนในการเฟ้นหา “ครูสอนดี” แต่ละชุมชน และ “เชิดชู” ครูคนเก่ง

หมอสุภกร บอกว่า ครูสอนดี เป็นหนึ่งในแนวทางปฏิรูปการเรียนรู้ ซึ่งอยู่ในกรอบที่สามารถทำได้เห็นผลใน 1 ปี ภายใต้หลักการว่า ผลลัพธ์ที่ครูสอนก่อให้เกิดผลอย่างไรกับลูกศิษย์ ซึ่งเชื่อว่าในชุมชนลูกศิษย์ พ่อแม่ จะเป็นคนที่รู้ว่าครูคนไหนควรได้รับการยกย่องและเชิดชู โดยการจัดตั้งกรรมการระดับชุมชน เพื่อเลือกเฟ้นครูสอนดี

แต่นัยของโครงการครูสอนดีมีมากกว่านั้น หมอสุภกร มองว่า โครงการที่ดีต้องมีความต่อเนื่อง เช่นกัน กระบวนการปฏิรูปการศึกษาไม่สามารถเปลี่ยนได้ใน 1 ปี แต่การสร้างกรรมการระดับชุมชนเป็นการสร้างรากฐานระยะยาวในการสนับสนุนเรื่องอื่นๆ ต่อไปด้วยการหา “เจ้าภาพ” ในพื้นที่

“ไม่เช่นนั้นการปฏิรูปจะกลับไปสู่ท็อปดาวน์จากกระทรวงเหมือนเดิม แต่หากกลไกนี้เกิดขึ้นจะทำให้เกิดการมีส่วนร่วม”

นอกจากการดึงชุมชนมามีส่วนร่วม คุณหมอสุภกร มองว่า ฟันเฟืองหลักสำคัญอีกตัวที่จะทำให้การปฏิรูปขับเคลื่อนได้ต่อเนื่อง คือ การดึงเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งปัจจุบันเอกชนได้รับผลกระทบทางอ้อมจากระบบการศึกษาในปัจจุบัน

เพราะสถิติคนวัยทำงานอายุ 18-24 ปี ทั้งหมด 6.67 ล้านคน คนที่จบ ป.6 หรือต่ำกว่า มีถึง 1 ล้านคน แรงงานเหล่านี้ตีความได้ว่า เป็นแรงงานฝีมือต่ำ ในยามที่ประเทศต้องการยกระดับสู่การผลิตไฮเทคโนโลยี ก็เข็นไปได้ยาก เพราะแรงงานไม่พร้อม ครั้นจะแข่งด้วยราคาค่าแรงขั้นต่ำก็ยากจะแข่งกับเพื่อนบ้าน

การปฏิรูปการศึกษา

ความเสียหายจากคนด้อยการศึกษาเหล่านี้ หากคำนวณเป็นความสูญเสียด้านภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของภาครัฐนับเป็นมูลค่ากว่า 8 หมื่นล้านบาท ในช่วงนับจากนี้อีก 10 ปี เอกชนจำเป็นต้องเตรียมคน เปลี่ยนที่ทำงานเป็นที่เรียน ระหว่างเรียนก็ทำงานไปพร้อมกัน เมื่อจบได้ทั้งงาน ทั้งการศึกษา

แต่ภารกิจทั้งหลายต้องรอการขับเคลื่อนจาก สสค. ซึ่งยังรอความชัดเจนจากภาครัฐ

คุณหมอสุภกร ฝากความหวังว่า การปฏิรูปการศึกษาในแนวทางของ สสค.จะได้รับการตอบรับจากภาครัฐ เพื่อสร้างมิติใหม่ของการเรียนรู้ เพื่อเด็กไทยในวันหน้าจะได้เป็นกำลังสำคัญในการสร้างโฉมหน้าประเทศไทยใหม่

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ โดย เปรมศิริ ฤทัยเจตน์เจริญ

 
Shares:
QR Code :
QR Code