ปกป้องสิทธิ ‘สตรี’ ลดความรุนแรงในสังคม
‘สิทธิของผู้หญิงและผู้ชาย’ ไม่ใช่แค่กล่าวถึงเรื่องความเท่าเทียมกันทางสังคม หรือสิทธิในการตัดสินใจระหว่างเพศหญิงและเพศชายเท่านั้น หากแต่กล่าวรวมไปถึงสิทธิทางเพศที่ควรเคารพซึ่งกันและกันด้วย
แฟ้มภาพ
ข้อมูลของสมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย พบว่าวัยรุ่นไทยอายุระหว่าง 10-19 ปี มีอัตราการคลอดบุตรที่เกิดจากท้องไม่พร้อม มากถึงปีละ 130,000 คน ในจำนวนนี้ติดอันดับที่ 1 ของเอเชีย และติดอันดับที่ 2 ของโลกอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังพบปัญหาด้านความรุนแรงทางเพศ ที่ผู้หญิงถูกผู้ชายล่วงเกินละเมิดสิทธิทางเพศ เอารัดเอาเปรียบ ใช้กำลังบังคับ ข่มขู่ ทำให้เป็นฝ่ายเสียหาย และเกิดปัญหาด้านต่างๆ ตามมา ดังนั้น วันที่ 8 มีนาคมของทุกปี จึงประกาศให้เป็น “วันสตรีสากล” ที่คนในสังคมไทยจะร่วมกันสร้างวัฒนธรรมการหยุดเหยียด หรือการใช้ความรุนแรงต่อเพศหญิง
องค์กรและหน่วยงานต่างๆ เช่น แผนงานสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศ แผนงานส่งเสริมสุขภาวะผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ มูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง เครือข่ายรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง ฯลฯ ต่างให้ความร่วมมือกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส) ในการรณรงค์ด้านสุขภาวะทางเพศ ให้สังคมเข้าใจในเรื่องเพศวิถี เคารพในสิทธิทางเพศ ฯลฯ ซึ่งเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ข้อมูลจากแผนงานเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับสุขภาวะทางเพศ กล่าวถึงปัญหาความรุนแรง สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ปัญหาคือ 1) ปัญหาความรุนแรงด้านครอบครัว มีสาเหตุมาจากปัจจัยหลัก คือ ปัจจัยครอบครัว เนื่องมาจากในวัยเด็กพ่อแม่เคยถูกทารุณ เกิดการเจ็บป่วยทางจิต จากทักษะในการเลี้ยงลูก หรือติดยาเสพติด ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ ความยากจนและการว่างงาน ส่งผลให้เกิดความเครียดในครอบครัวและนำมาซึ่งการทำร้ายกันได้ และปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เกิดจาก สภาพแวดล้อมรอบข้างไม่ปลอดภัยและมีความเสี่ยงต่ออบายมุข และสิ่งเสพติด
2) ปัญหาความรุนแรงทางเพศ คือการกระทำที่กระทบกระเทือนหรือเสียหายเกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ ได้แก่ การถูกข่มขืน การถูกลวนลาม อนาจาร และการถูกบังคับค้าประเวณี ข้อมูลจากแผนงานส่งเสริมสุขภาวะผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ สสส. พบว่า 35% ของผู้หญิงทั่วโลก เคยพบเจอกับความรุนแรงรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งในช่วงชีวิต แต่ในประเทศไทยกลับสูงถึง 44% สะท้อนว่าปัญหานี้สำคัญและรุนแรงแต่ไม่มีการพูดถึงและแก้ปัญหาอย่างจริงจัง
3) ปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อม สิ่งกระตุ้นที่ยั่วใจเด็กและเยาวชนมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ภาพยนตร์ ละครโทรทัศน์
สื่อสิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กโทรนิกส์ ฯลฯ ครอบครัวก็ยังขาดความเข้าใจในการสื่อสารเรื่องเพศกับลูก ทำให้เด็กตกเป็นเหยื่อถูกล่อลวงได้ง่าย การติดอาวุธทางปัญญาเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองควรใส่ใจ สถานศึกษาไม่ควรละเลยที่ให้ความรู้เรื่องเพศต่อเด็กและเยาวชน และที่สำคัญเมื่อเกิดปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยเรียนขึ้น ครอบครัว โรงเรียนและสังคมต้องเปิดใจให้โอกาสกับเด็กและเยาวชนที่ก้าวพลาดได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติ
ป้ามล หรือ นางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนชายบ้านกาญจนาภิเษก ให้ความคิดเห็นในมุมมองของสิทธิทางเพศว่า สิทธิทางเพศควรปลูกฝังทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ตั้งแต่สถาบันครอบครัวไปจนถึงสถาบันทางสังคม
“การแก้ปัญหาเรื่องสิทธิทางเพศ แก้ปัญหาที่เพศหญิงอย่างเดียวไม่ได้ ตัวละครที่สำคัญที่เกี่ยวข้องคือ เพศตรงกันข้าม หรือเพศเดียวกันด้วยในกรณีที่รักเพศเดียวกัน สังคมจำเป็นอย่างมากที่จะต้องกระตุ้นการสร้างความสำคัญให้ตระหนักในเรื่องเพศ ช่วยกันสร้างทัศนคติเรื่องการเคารพร่างกายและจิตใจ” ป้ามล ให้ความเห็น
ป้ามล ยังบอกต่อว่า สำหรับการป้องกันของเพศหญิง ในเรื่องหลักๆ คือการไม่อยู่ในที่อันตราย หรือสุ่มเสี่ยง การแต่งกายที่มิดชิดเหมาะสม แต่สังคมควรจะมองให้ไกลกว่านั้น ไม่ใช่แค่ให้ผู้หญิงป้องกันแต่ตัวเอง ผู้ชายต้องเคารพในสิทธิทางเพศของผู้หญิง พร้อมกับแสดงความรักผิดชอบในการกระทำ พ่อแม่ต้องปลูกฝังลูกชายตั้งแต่ยังเด็ก ให้เคารพและให้เกียรติ เพราะสิ่งนี้เป็นต้นทุนสำคัญในการเคารพคนอื่น
“การแก้ปัญหาเรื่องความรุนแรงนี้ สสส. เข้ามามีบทบาทในสังคม ทำให้เกิดความรู้ด้านวิชาการ รวมไปถึงเชื่อมร้อยองค์กรหลายภาคส่วนในสังคมที่ทำงานด้านสุขภาวะทางเพศ ซึ่งเป็นผลดีกับสังคม เพราะทุกกลไกให้ความสำคัญกับทั้งเพศหญิงและเพศชายมากขึ้น สสส.เข้ามาเติมจุดอ่อนในสังคม ขจัดปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรุนแรงทางเพศ สิทธิสตรี ปัญหาด้านครอบครัวให้น้อยลง ทำให้สังคมขับเคลื่อนไปได้ไกล ให้ผู้หญิงทำหน้าที่เต็มความสามารถ ไม่สูญเสียทรัพยากรบุคคลที่ช่วยขับเคลื่อนประเทศ มีกระบวนการเยียวยา กอบกู้สังคมให้กลับคืนมาอย่างน่าอยู่ และยังทำให้ประชาชนมีความเข้าใจอย่างถูกต้อง ซึ่งจะเป็นคุณประโยชน์ให้กับบ้านเมือง” ป้ามล กล่าวทิ้งท้าย
ไม่ใช่เฉพาะวันสตรีสากลเท่านั้นที่เราจะให้ความเคารพสิทธิของสตรี แต่ควรเป็นทุกๆ วันที่เราควรเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน มาร่วมมือทำให้สังคมน่าอยู่มากขึ้นกันนะคะ…
เรื่องโดย อาภาวรรณ โสภณธรรมรักษ์ team content www.thaihealth.or.th
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ