บ้านเอื้ออาทรเชียงราย แม่สายสุขสงบ

ที่มา : เว็บไซต์คมชัดลึก 


ภาพประกอบจากเว็บไซต์คมชัดลึก 


บ้านเอื้ออาทรเชียงราย แม่สายสุขสงบ thaihealth


ท่ามกลางความเหมือนของชุมชนบ้านเอื้ออาทรแนวราบ ก็มีความต่างในชุมชนบ้านเอื้ออาทรเชียงราย แม่สาย 1-2 แม่สายเป็นอำเภอหนึ่งของ จ.เชียงราย อยู่ทิศเหนือติดกับแม่น้ำสาย เส้นกั้นเขตแดนระหว่างประเทศไทยกับเมียนมาร์  ความต่างคือสมาชิกโครงการบ้านเดี่ยวเอื้ออาทรเชียงราย แม่สาย 1-2 ของการเคหะแห่งชาติ จำนวน 1,143 หน่วย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ เช่น ไทใหญ่ ไทลื้อ ไทเขิน จีน รวมแล้วมากกว่าครึ่งของโครงการ


“เขาอยากมาอยู่ประเทศไทย บางคนมีลูกเขยเป็นคนไทย บางคนมีเงินสดมาซื้อบ้านเลยในชื่อญาติที่มีสิทธ์ซื้อเพื่อหวังได้สัญชาติไทยก็มี เพราะที่นี่สงบและมีโอกาสในการทำมาหากิน” ทั้ง นายปองพล นวรัตน์ หัวหน้าสำนักงานเคหะชุมชนเชียงราย การเคหะแห่งชาติ และนายภูวนนท์ ยั่งยืน ประธานกรรมการชุมชนบ้านเอื้ออาทรเชียงราย แม่สาย 1 พูดทำนองเดียวกัน


“แรกๆ มาอยู่ก็มีลักษณะต่างคนต่างอยู่ จึงต้องหากิจกรรมร่วมกันทำ โดยเฉพาะงานบุญ งานบวช และงานวัฒนธรรมที่เขาติดตัวข้ามฝั่งมา” นายภูวนนท์เล่า “บางคนมาอยู่ลำพังโดดเดี่ยว มีปัญหาไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปพึ่งใคร ได้คณะกรรมการชุมชนช่วยเหลือ เขาก็รู้สึกดี พอขอความร่วมมือก็ยินดี ไม่มีติดขัด ยิ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความรู้จักกัน ช่วยเหลือกันมากขึ้น”


ลำพังการเดินไปสู่ความสามัคคีเข้มแข็งมีปัจจัยภายในอย่างเดียวก็อาจไม่พอ ยังต้องมีปัจจัยภายนอกเข้ามาสนับสนุน นายภูวนนท์ยอมรับว่า หัวหน้าสำนักงานเคหะชุมชนเชียงรายอย่างนายปองพล นวรัตน์ มีส่วนผลักดันที่สำคัญยิ่ง เพราะนำเอากิจกรรมจากหลายๆ หน่วยงานมาลงในชุมชน ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ และครอบครัว ทำให้มีกิจกรรมต่อเนื่องตลอดเวลา และวางรากฐานความเข้มแข็งในเชิงยุทธศาสตร์ โดยมุ่งไปที่ครอบครัว


บ้านเอื้ออาทรเชียงราย แม่สายสุขสงบ thaihealth


“ผมเน้นครอบครัวเป็นพื้นฐาน กิจกรรมไหนเอาครอบครัวมาร่วมได้ต้องทำ เช่น การสอนการนวด เพื่อให้กลับไปนวดกันเองที่บ้านเป็นการใส่ใจระหว่างสามีภรรยาหรือลูก การสอนสูตรทำอาหาร กลับไปทำกินเองหรือทำขาย ช่วยให้ความสัมพันธ์ภายในครอบครัวดีขึ้น ลดความรุนแรงไปในตัว เด็กๆ เองได้รับความอบอุ่นและเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับเขาในอนาคต” นายปองพลกล่าว


หัวหน้าสำนักงานเคหะชุมชนเชียงรายยอมรับว่า คนจากชาติพันธุ์เหล่านี้อยากได้รับสัญชาติไทย เพราะเมืองไทยพัฒนามาก เมื่อเทียบกับบ้านเดิมของพวกเขา บวกกับมีวัฒนธรรมดีงามบางประการที่เป็นจุดแข็ง เช่น การชอบทำบุญ หรือการแสดงต่างๆ เมื่อมีกิจกรรมก็จะเข้าร่วมอย่างเต็มที่


ขณะที่ประธานกรรมการชุมชนบ้านเอื้ออาทรเชียงราย แม่สาย 1 ยอมรับว่า วัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์แข็งแรงมาก เช่น การแสดงรำนกยูงของกลุ่มไทใหญ่ การรำสิงโตของมอญ วัฒนธรรมการแต่งกาย จนกระทั่งในระยะหลังๆ เริ่มมีคนไทยในชุมชนเริ่มเข้าร่วมกิจกรรมเหล่านี้มากขึ้น แทนการแยกกันอยู่ แยกกันทำบุญ เหมือนเดิมๆ และพลอยทำให้คนไทยได้ซึมซับสิ่งดีๆ เหล่านี้ด้วย


“เราเน้นการสร้างความสัมพันธ์ให้ชุมชนเข้มแข็งยิ่งขึ้น ไม่แบ่งแยกกัน เพราะจริงๆ แล้วรากเหง้าก็ไม่ต่างกัน เช่น นับถือศาสนาพุทธเป็นหลัก ภาษาไทยกับไทใหญ่คล้ายๆ กัน ฟังกันรู้เรื่อง”


จากจำนวนประชากร 400-500 คนของบ้านเอื้ออาทรเชียงราย เฉพาะแม่สาย 1 ที่นายภูวนนท์ให้ตัวเลขมาพร้อมกับความน่าฉงน เพราะที่นี่มีผู้สูงอายุมากถึง 100-200 คน เป็นสังคมผู้สูงอายุสมบูรณ์แบบทีเดียว


“เฉพาะโครงการแม่สาย 1 จำนวน 647 หลังคาเรือน แต่มีคนอยู่น้อย ส่วนหนึ่งซื้อไว้เป็นทรัพย์สิน มาพักบ้างชั่วครั้งชั่วคราว และที่มีผู้สูงอายุอาศัยอยู่จำนวนมาก ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มชาติพันธุ์ข้ามฝั่งมาอยู่กับลูกหลาน”


บ้านเอื้ออาทรเชียงราย แม่สายสุขสงบ thaihealth


แต่ผู้สูงอายุไม่ได้อยู่เฉย หากแต่ยังนำเอาอาชีพที่เคยทำตามมาด้วย เช่น การจักสานผลิตภัณฑ์รูปแบบต่างๆ จากไม้ไผ่ และการทอผ้าไว้ขาย ขณะเดียวกันยังเป็นแหล่งเรียนรู้ของโรงเรียน บางครั้งมีเด็กไปเรียนรู้ที่บ้าน หรือผู้สูงอายุได้รับเชิญให้ไปสอนการสานลายให้นักเรียน โดยมีการเคหะแห่งชาติและสำนักงานกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ (สสส.) สนับสนุนงบประมาณ


ความสงบปลอดภัยในชุมชนเป็นกิจกรรมจิตอาสาแรกๆ ที่ทำ คืออาสาสมัครตำรวจบ้านร่วม 20 คน โดยทำงานสอดประสานกับ สถานีตำรวจภูธรแม่สาย แรกๆ มีเด็กวัยรุ่นติดยา แต่พอมีอาสาสมัครตำรวจบ้านก็ค่อยๆ หายไป จนได้รับการยอมรับจาก สถานีตำรวจภูธรแม่สาย ว่าเป็นชุมชนปลอดยาเสพติด


ส่วนปัญหาการค้ามนุษย์ นายปองพลกล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญและไม่เฉพาะแต่เรื่องการค้าประเวณี แต่หากครอบคลุมถึงการค้าแรงงานเอาเปรียบ การขอทาน ซึ่งมีการจัดอบรมให้ชาวชุมชนมีความรู้และระวังตัว “ลำพังปัญหาการค้ามนุษย์ในชุมชนยังไม่มี แต่เป็นการป้องกันภัย เด็กๆ ก็ต้องรู้วิธีป้องกันตัวจากมิจฉาชีพที่จะเข้ามา”


นายปองพลกล่าวว่า เด็กเยาวชนวัย 13-15 ปี ในชุมชนบางคนมีศักยภาพในการเล่นกีฬาฟุตซอล คัดเลือกตัวที่ไหน ติดที่นั่น แต่มีปัญหาคือไม่มีสัญชาติไทย จึงไม่สามารถส่งตัวไปแข่งขันได้ จนกว่าจะเข้าตาโค้ช หรืออำเภอ หรือจังหวัด ซึ่งจะทำเรื่องขอสัญชาติให้ เป็นเรื่องที่น่าจะพิจารณาให้เป็นระบบ เพราะจะช่วยให้มีการคัดกรองการให้สัญชาติไทยแก่คนที่มีคุณภาพ มีศักยภาพ ทำประโยชน์แก่ประเทศไทยได้ดียิ่งขึ้น


ความเข้มแข็งของชุมชนนั้น นายปองพลกล่าวว่า เมื่อขอความร่วมมือในการทำกิจกรรมแต่ละครั้งก็ได้รับความร่วมมือมากันพรึบ 300-400 คน คิดเป็น 70-80% ตัวเลขนี้เป็นเครื่องยืนยันที่ชัดเจนกว่าคำพูดใดๆ และด้วยความเข้มแข็งที่ว่า ชุมชนแห่งนี้ได้รับการคัดเลือกจากการเคหะแห่งชาติ ให้ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 จากการประกวด “โครงการชุมชนสดใส จิตใจงดงาม” เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา นับเป็นชุมชนหลากวัฒนธรรม แต่อยู่ร่วมกันได้อย่างเข้มแข็งและสงบสันติอย่างน่าชื่นชม

Shares:
QR Code :
QR Code