บูรณาการลดนักสูบหน้าใหม่
ที่มา : หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ
ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องเร่งบังคับใช้ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ ทั้งนี้เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพการควบคุมยาสูบให้ทันกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน
ซึ่งเป็นการประชุมเรื่องนโยบายควบคุม ยาสูบกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน จัดโดยศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่ายควบคุมยาสูบ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดนักสูบหน้าใหม่ พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนจังหวัดปลอดบุหรี่ ตามแผนยุทธศาสตร์การควบคุมยาสูบแห่งชาติฉบับที่ 2 พ.ศ.2559-2562 เนื่อง จากว่ายาสูบเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เพราะการบริโภคยาสูบเป็นสาเหตุของปัญหาความยากจน และเป็นสาเหตุของการตายก่อนวัยอันควร ดังนั้น การปรับลดผู้บริโภคยาสูบจึงเป็นหนทางในการบรรลุเป้าหมาย สามารถทำให้สถานการณ์ยาสูบดูดีขึ้นได้
ทั้งนี้องค์การอนามัยโลกมีข้อเสนอแนะให้ประเทศไทยเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมยาสูบให้เข้มข้นขึ้นดังนี้ คือ
1.ให้รีบนำร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่มาบังคับใช้โดยเร็ว
2.ขึ้นภาษียาสูบให้เหมาะสมกับอัตราเงินเฟ้อ
3.ยกระดับความเข้มงวดของการควบคุมยาสูบในต่างจังหวัดและพื้นที่ห่างไกล
4.บังคับใช้กฎหมายพื้นที่สาธารณะปลอดบุหรี่ 100%
5.ใช้สื่อประชาสัมพันธ์ตอกย้ำความน่ากลัวของภัยจากบุหรี่
และ 6.ขยายขอบเขตบริการสนับสนุนการเลิกบุหรี่
ซึ่งก็ตรงกับนโยบายควบคุมยาสูบของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งได้ดำเนินการอย่างเข้มข้นตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา มีการขับเคลื่อนจังหวัดปลอดบุหรี่ที่มีอัตราการบริโภคยาสูบสูง มีการนำมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติมาปฏิบัติปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตยาสูบตามสภาพ จำกัดการเข้าถึงยาสูบในเยาวชน การลดควันบุหรี่มือสองมือสาม รวมทั้งปฏิรูปกฎหมายให้สอดคล้องกับนโยบายในการควบคุมยาสูบในปัจจุบัน
จึงเห็นได้ว่าการที่ประเทศไทยเดินหน้าเพื่อให้เร่งรีบใช้ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่นั้นเป็นเป้าหมายและนโยบายหลักอยู่แล้ว ทั้งนี้เพื่อเสริมประสิทธิภาพการควบคุมยาสูบให้ทันกับสถานการณ์ เพราะแม้จะมีการโหมประชาสัมพันธ์เพื่อให้เห็นถึงพิษและโทษของยาสูบมากเพียงใด แต่ก็ยังคงมีนักสูบหน้าใหม่เกิดขึ้นเสมอๆ จึงเป็นเรื่องที่ทุกๆ หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนจะต้องบูรณาการร่วมมือ ช่วยกันลดนักสูบหน้าใหม่ลงให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้