“บุหรี่” ก็ตัวทำลายความสุข!!
ตัวร้าย!! บั่นทอนสุขภาวะทุกคนในสังคม
ผมเขียนเรื่องโทษของคนกินเหล้ามาตลอด เขียนแบบย้ำเลยว่าเป็นตัวหลักของการทำลายความสุข ทั้งสุขช่วงสั้นๆ และสุขอย่างยั่งยืน ทางพระท่านว่าเป็นอบายมุข คือทางพาไปสู่ความเสื่อม ก็คือตัวทำลายความสุขนั่นเอง
หลายฝ่ายพยายามที่จะชี้ชวนให้คอเหล้าคอเบียร์คอสุราได้เห็นโทษ คือตัวทำลายความสุขนี้ อย่างหน่วยงานสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ซึ่งส่วนมากแล้วทุกคนที่เป็นนักดื่มก็เห็นรู้ แต่มักเลิกละได้ค่อนข้างยาก หัวใจสำคัญอย่างหนึ่งที่ลืมตัวแล้วไปเสพเข้าทุกครั้งมาจากการโฆษณาเชิญชวน
แต่หลายฝ่ายอย่าง สสส. เป็นต้น ก็ไม่ละความพยายาม จัดกิจกรรมชี้ชวนตลอด อย่างตอนนี้เป็นกิจกรรมหยุดเหล้าเข้าพรรษา มีคอสุราหยุดกันเยอะ ผลที่ออกมาคนที่ดื่มแล้วหยุดมีความสุขอย่างจริงๆ หลายคนทำท่าว่าจะหยุดตลอดชีวิต เพราะสัมผัสความสุขทั้งตัวเองครอบครัวอย่างไม่เคยได้รับมาก่อน
อยากจะพูดถึงความจริงอีกข้อหนึ่ง ความทุกข์จากการดื่มเหล้าที่ประสบกัน คือ โรคตับแข็ง ในช่วงการชักชวนงดเหล้าเข้าพรรษา เพื่อนผมคนหนึ่งในแวดวงนักเขียนนี่แหละที่กินเหล้าต่อเนื่องมายาวนาน กินหนักแล้วก็มีทุกข์หนักมาตลอด ทุกข์จากเงินไม่พอใช้ ทุกข์ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน เพื่อนฝูงเดือดร้อน วันนี้เพื่อนคนดังกล่าวพ้นทุกข์เฉพาะหน้าไปแล้ว คือ เสียชีวิต
โรคที่คร่าชีวิตเขาไปก็เกิดจากเหล้า คือ โรคตับแข็งนั่นเอง เป็นนักเขียนที่รู้จักกันดีในแวดวงน้ำหมึก ผมจะไม่เอ่ยชื่อเพราะไหนๆ ก็ตายไปแล้ว แต่จะบอกว่าตายด้วยอายุไม่มากราวสักสี่สิบเศษๆ ย้ำว่าด้วยโรคตับแข็ง
ความทุกข์ที่มาควบคู่กับการดื่มเหล้า คือ “การสูบบุหรี่” ที่อยากจะชี้ให้สังคมไทยได้ตระหนักว่าเป็นตัวทำลายความสุขในทุกด้านอีกสิ่งหนึ่ง ทำลายสุขภาพทั้งตัวผู้เสพ และผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ตั้งแต่ในครอบครัวเดียวกัน นอกครอบครัวแต่อยู่ในรัศมีของคนสูบที่ดูดเอาควันเข้าไป เพียงเท่านั้นก็ไปทำลายสุขภาวะได้อย่างง่ายดาย พร้อมกับนำความทุกข์มาสู่โดยคาดไม่ถึง ตัวอย่างเช่น ทำให้ผู้อยู่ในรัศมีของการสูดดมควันเข้าไป จะเกิดโรคถุงลมโป่งพอง เกิดโรงมะเร็งได้
เกิดโรคแล้วก่อทุกข์ยังไง ก็ทุกข์ตั้งแต่การทรมานจากโรค การสูญเสียภาวะการณ์ประกอบอาชีพ ไปจนกระทั่งสูญเสียค่ารักษา ทำลายภาวะเศรษฐกิจทั้งระบบรวมและในระบบครัวเรือน
สถิติของคนสูบบุหรี่จะมาคู่กันกับการดื่มเหล้า คือ จำนวนคนดื่มเหล้าที่เพิ่มสถิติในเยาวชนซึ่งยังไม่สามารถที่จะหารายได้ช่วยเหลือตัวเองได้ แล้วยังเป็นเยาวชนอายุเพียงสิบกว่าขวบเท่านั้นขึ้นไปจนถึงระดับอุดมศึกษา โดยเฉพาะในเยาวชนที่อายุเพียงสิบกว่าขวบนั้น มีสถิติสูบบุหรี่เพิ่มขึ้น ผมจำตัวเลขไม่ได้แน่ชัดแต่มีสถิติแน่นอน แล้วเป็นสถิติว่าเกิดจากวงดื่มเหล้าทั้งสิ้น คือดื่มเหล้าแล้วก็ต้องสูบบุหรี่อะไรทำนองนั้น
การทำลายสุขภาวะในการสูบบุหรี่ของเยาวชนดูเหมือนจะมองไม่ชัด หรือถ้าจะพูดถึงว่าความทุกข์อันเกิดจากการสูบบุหรี่ในเยาวชนเห็นผลไม่ชัด จริงๆ แล้วไม่ใช่ไม่ชัดเพียงแต่การเอาใจใส่ให้ความสำคัญของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องน้อยเกินไป
เริ่มกันตั้งแต่พ่อแม่ผู้ปกครอง ครู อาจารย์ ไม่ให้ความสำคัญตรงนี้ เช่น การทำให้เป็นตัวอย่างแก่ลูกหลาน อาจจะมองว่าลูกหลานคงไม่เอาเยี่ยงอย่างสามารถบังคับให้เชื่อฟังได้ หรือถ้าเผื่อลูกหลานแอบลักลอบสูบก็คงไม่เสียหายกี่มากน้อย เชื่อว่าความคิดทำนองนี้ไม่ได้เกิดเฉพาะพ่อแม่ผู้ปกครอง ครูอาจารย์ก็น่าจะมีมุมมองเดียวกัน
สังเกตได้จากการปล่อยปละละเลย โดยไม่ใส่ใจที่จะพยายามปกป้องไม่ให้เกิดการเอาเยี่ยงอย่าง เช่น ระมัดระวังที่จะทำให้เห็นเป็นแบบอย่าง เมื่อลูกหลานขอทำกิจกรรมในกลุ่มเพื่อนฝูงแล้วปล่อยให้แสดงออกได้โดยคิดว่านานนานครั้ง นั่นเป็นที่มาของการเริ่มเข้าสู่ประกายการทำลายสุขภาวะ เริ่มจากจุดเล็กๆ แล้วขยายวงกว้างไปสู่สังคมโดยรวมโดยไม่รู้ตัว
เริ่มตั้งแต่การจุดประกายความคิดที่จะต้องเสียเงินในการซื้อหา แม้จะเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆ แต่มันเกิดขึ้นพร้อมๆ กันจำนวนมาก การเกิดภาวะทุกข์จากการสูญเสียทางเศรษฐกิจก็เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ การเริ่มต้นแห่งโรคภัยไข้เจ็บกำลังก่อตัวขึ้นเป็นทวีคูณ การทำลายสภาพแวดล้อมที่ดีงามของสังคมเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
ผมไม่เน้นสถิติความทุกข์อันเกิดจากการเสพบุหรี่ เพื่อให้เห็นว่าเป็นสิ่งน่ากลัวเหมือนการดื่มเหล้า เพราะถึงไม่อ้างสถิติความทุกข์จากบุหรี่น่ากลัวจริงๆ อยู่แล้ว เป็นอบายมุขตัวหนึ่งเช่นกัน
บุหรี่จึงเป็นตัวร้ายทำลายสุขภาวะของทุกคนของสังคมจริงๆ
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
Update 21-05-52
อัพเดทเนื้อหาโดย : กันทิมา ลีจันทึก