‘บางทีเราก็ลืมคิดไปว่า’ มองมุมต่าง สร้างสุขในโลกความจริง
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน
ภาพโดย สสส.
"ถ้าเราอยากจะคิดเปลี่ยนโลกไปช่วยแม่ล้างจานก่อนไหม" คือคำคมที่ เบญจมาภรณ์ ลิมปิษเฐียรผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. บอกว่านึกถึง หลังอ่านหนังสือชื่อน่าสนใจ "บางทีก็ลืมคิดไปว่า" จบเล่ม "วิธีเขียนอย่างนี้หรือการยกประโยค เช่นนี้ ทำให้เราเข้าใจว่าต้องกลับมาสู่ชีวิตจริง หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่แค่คำคมแล้วจบแต่เป็นคำคมที่มีบริบทขยายความออกมา จนสามารถคิดได้หลากหลายแบบ" เจ้าตัวกล่าวบนเวทีเสวนาที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติ สิริกิติ์ เนื่องในสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 47
"บางทีก็ลืมคิดไปว่า" จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์ Sook Publishing ด้วยปลายปากกาของ เอ็ดดี้ พิทยากร ลีลาภัทร์ เจ้าของเพจดัง "ธนาคารความสุข" ที่มาคัด "คำคม" ดีๆ ป้อนผู้อ่านให้ปรับทัศนคติมองสิ่งรอบกายด้วยใจคิดบวก
"โจทย์ในการเขียนหนังสือเล่มนี้คือ ให้เรานึกถึงคำพูดสักคำ แล้วเขียนในมุมมองของเราที่ย่อยแล้ว ให้คนได้ใช้ประโยชน์ ทำอย่างไรให้คนรู้สึกดีกับสิ่งรอบตัวและการงานมากขึ้น การอ่านหนังสือเล่มนี้เป็นการปรับทัศนคติบางอย่าง เริ่มจากการนำเข้าข้อมูลแล้วสำรวจตัวเอง เราฝึกมองด้านที่แตกต่างจากความคิดกรอบเดิมที่มีอยู่ให้เป็น จะทำให้วันหนึ่งเมื่อเจอสถานการณ์คับขันจะได้มีหลายมุมมองและแยกแยะเป็น ซึ่งจะพบว่าด้านนึงที่เราไม่เคยมอง คือมองโลกตามความจริง ว่ามีทั้งบวกและลบเป็นธรรมดา บางเรื่องไม่จำเป็นต้องมีด้านบวกเลยก็ได้ แต่ความจริงก็คือความจริง มนุษย์เกิดมาชั่วคราว วันหนึ่งเราจะสรุปได้ด้วยตัวเองว่า นี่คือเรื่องธรรมดา เป็นความคิดขั้นที่สูงกว่าคิดบวก คือ ต้องเห็นโลกตามความจริงให้ได้ โดยการฝึกสติให้อยู่กับความจริง ณ ปัจจุบัน
ธรรมะในความหมายที่เข้าใจคือความจริง เป็น fact of life เราเพียงรู้วิธีจับและมาวางทำให้คนเข้าใจได้ เหมือนสำนวนที่ว่า 'เปิดของคว่ำให้หงาย' เหมือนชื่อหนังสือ บางทีเราก็ลืมคิดไปว่ามันมีด้านนี้อยู่ ที่เราวุ่นวายเพราะเราไปยุ่ง นักการเมือง กกต. หรือ ลุงตู่ เขาก็มีหน้าที่ของตัวเอง แต่เมื่อเราไปยุ่งกับคนเหล่านั้นก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย ศัพท์ทางธรรมคือ ใจเราไปยึดไว้ ความจริงแล้วคะแนนเสียงอาจไม่ได้เหวี่ยง แต่เป็นใจเราที่เหวี่ยงเอง คำแนะนำคือตามแบบ คนดู อย่าตามแบบกองเชียร์ ไม่ต้องตัดสิน" พิทยากร กล่าว
เจ้าของเพจดังยังอธิบายเพิ่มเติมว่า เมื่อไหร่ที่เริ่มรู้สึกไม่สบายใจ หงุดหงิด มีความเครียด ก็ให้รู้ว่ามาจากการที่ใจเราเริ่มไหลไปอยู่กับสิ่งที่คนอื่นพูด คิดและทำ แต่ลืมย้อนกลับมาดูที่ใจเราเอง ทำให้เริ่ม ทุกข์ใจและโทษสิ่งแวดล้อม จึงต้องย้อนกลับมาสนใจความคิดตัวเองว่าสิ่งที่เราคิดอยู่ทำให้สุขหรือทุกข์ มีประโยชน์หรือไม่
"การคุยกับตัวเองคือการคิดใน 2 ด้าน แต่สังเกตตัวเอง คือการทำตัวเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์เพื่อดูว่าใจเราเป็นอย่างไร คิดอะไร ต้องรู้ทันความคิดก่อนเพื่อไม่ให้ความคิดกลายเป็นนายและมีบทบาทกับเรา ในการล่องเรือ คนเราไม่สามารถควบคุมลมได้ แต่สิ่งเราทำได้คือการปรับใบเรือ เพื่อควบคุมเรือให้เข้ากับลม เพื่อไปถึงจุดหมาย ไม่ใช่ลมต้องเป็นไปอย่างใจเรา เมื่อย้อนกลับมาที่ ตัวเอง หนังสือทุกเล่ม ผมตั้งใจเขียนให้อ่านง่าย แม้ว่าเรื่องนี้จะใช้ธรรมะเยอะ แต่เป็นเรื่องทางโลกมากที่สุดเท่าที่เขียนมา บางครั้งพูดถึงเรื่องธรรมะแล้วคนตื่นกลัว อยากให้ลองเปิดใจอ่าน เพราะบางครั้งเราก็ลืมคิด ทั้งๆ ที่เราก็คิดได้ นี่จะเป็นหนังสือที่ทำให้เข้าใจว่าชีวิตไม่ใช่เรื่องยากหรือวุ่นวาย แต่การจะทำให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้น ต้องเริ่มต้นจากการปรับที่ทัศนคติ"
อย่างไรก็ตาม การอ่านไม่ใช่จบที่หนังสือแต่ต้องกลับไปปฏิบัติตามได้จริงในชีวิตประจำวัน นี่คือจุดเด่นของหนังสือเล่มนี้ บางครั้งแค่คิดแต่ยังไม่ได้ลงมือทำ Sook Publishing จึงมีเป้าหมายอยากให้คนที่อ่าน สังเคราะห์และรู้สึกอยากลงมือทำให้ตัวเองดีขึ้น ชีวิตดีขึ้น เรามุ่งเน้นเรื่องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทางสังคมและปัญญา ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่การอ่านสามารถช่วยได้ แต่จะทำอย่างไรให้เก่งทั้งเรื่องวิธีคิดและทำให้สังคมอยู่ร่วมกันได้ดีขึ้น
ดังเช่น นักอ่านสาว เจ้าหน้าที่บริษัทการเงินผู้ไม่ประสงค์ออกนาม แฟนตัวยงของ เอ็ดดี้ พิทยากร ซึ่งเปิดใจว่า การนำข้อคิดจากการอ่านไปใช้ในชีวิตจริง ช่วยให้ผ่านพ้นวิกฤตด้านความรักมาได้อย่างราบรื่นจนถึงปัจจุบัน
"รู้จักพี่เอ็ดดี้ทางทวิตเตอร์จากโพสต์นิทาน เป็นบทความสั้นๆ ที่มีภาษาอ่านง่าย ทำให้เรารู้สึกเหมือนไปอยู่ในเหตุการณ์จริง ทำให้อ่านแล้วอยากรู้อยากอ่านไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นก็ติดตามผ่านเพจเฟซบุ๊ก ธนาคารความสุข เริ่มอ่านหนังสือเล่มแรกของพี่ เอ็ดดี้กับแฟนคนละเล่ม อ่านแล้วแชร์ความเห็นกัน"
"ชอบภาษาที่ถ่ายทอดออกมาแล้วทำให้เข้าใจง่าย ฉีกกฎการอ่านหนังสือธรรมะทั่วไปที่คนเข้าใจว่าอ่านยากเข้าใจยาก คำที่นำมาใช้กับชีวิตคู่คือการกำจัดความโกรธ เมื่อโกรธก็ให้รู้ว่าโกรธ เราฝึกไปเรื่อยๆ ปรับใช้พร้อมกับแฟน จากที่เคยเป็นคนหงุดหงิดโมโหง่าย ก็กลายเป็นคนใจเย็นลง ทำให้คู่ของเราคบกันได้นานจนถึงปัจจุบันนี้"
"หนังสือของพี่เอ็ดดี้ได้สอดแทรกคำคมและธรรมะ โดยมีสไตล์การเขียนที่เข้าใจง่าย ภาษาง่าย ไม่ว่าอายุหรือวัยไหนก็สามารถอ่านหนังสือเล่มนี้ได้ มั่นใจว่าผู้ที่อ่านจะรู้สึกมีความสุขและมีสติเหมือนที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้"
ทั้ง 30 ตอนของเนื้อหาในหนังสือ ชวนให้คิดและต่อยอด อาจทำให้นึกถึงบางเหตุการณ์ซึ่งเข้ากันกับคำคมในหนังสือได้ไม่ยาก อ่านรอบแรกอาจคุ้น แต่รอบสองจะเริ่มนึกออก ว่าความจริงมีเรื่องบางเรื่องในชีวิตที่ใกล้เคียง เป็นผลงานน่าสนใจที่พลาดไม่ได้ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งนี้ เพื่อชีวิตที่สุขยิ่งกว่าเก่า เพราะ "บางทีเราก็ลืมคิดไปว่า….."