บัณฑิตสาว “กายพิการ…ไม่ใช่อุปสรรคในการเรียน”
มีความรู้นำพาชีวิตสู่ความสำเร็จ
“ถ้ามีความรู้ ย่อมมีโอกาสได้งานที่ดีทำ” ด้วยความเชื่อมั่นนี้ผลักดันให้หญิงผู้พิการอย่าง ธนารี ฟุ้งภิญโญภาพ หรือนุ้ย อายุ 29 ปี สาวแกร่งสู้ชีวิตไม่มีนิ้วมือนิ้วเท้าทั้งสองข้างแต่กำเนิด ดิ้นร้นทำงานส่งเสียตัวเองเรียนจนจบป.ตรี นิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) ใช้เวลาเพียง 3 ปีครึ่งก็สำเร็จการศึกษาด้วยเกรดเฉลี่ย 2.43 สร้างความภาคภูมิใจครั้งใหญ่ในชีวิตที่ได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารีเมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา
กว่าจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างทุกวันนี้ “นุ้ย”ต้องก้าวผ่านมรสุมชีวิตที่โหมเข้ามาอย่างลำบากยากเข็ญ ตั้งแต่จำความได้ “นุ้ย” ก็ไม่มีนิ้วมือและนิ้วเท้าทั้ง 2 ข้างแล้ว เป็นเหตุผลให้แม่ทิ้งเธอไว้ให้พ่อดูแลด้วยทำใจยอมรับไม่ได้ ซ้ำร้ายครอบครัวของพ่อก็คัดค้านการเลี้ยงดูเธออีก แต่ด้วยความรักที่พ่อมีให้ยืนยันที่จะเลี้ยงดูเธอเต็มกำลังสู้ประกอบอาชีพเปิดร้านไดนาโมนำรายได้ไปจ้างพี่เลี้ยงมาคอยดูแลพร้อมมอบโอกาสทางการศึกษา แม้ว่าภายหลังผู้เป็นพ่อได้แต่งงานใหม่ มีลูกชายอีก 2 คน ก็ไม่เป็นปัญหาใดพ่อยังคงทำหน้าที่ดูแลพาลูกสาวพิการคนนี้ออกสู่สังคม……..
“ทุกครั้งที่พ่อพาออกสู่โลกภายนอก มักสอนเธอเสมอว่าไม่ต้องไปเกรงกลัวสายตาใคร ลูกพิการเพียงแค่ร่างกาย คนที่รังเกียจลูกต่างหากที่พิการใจ เพราะลูกสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ทุกอย่างไม่ได้ทำตัวเป็นภาระแก่ผู้อื่นหรือสร้างความเดือดร้อนแก่สังคม จงภาคภูมิใจในความสามารถที่มีอย่าดูถูกว่าตัวเองด้อยค่า” นุ้ยสะท้อนความรู้สึกพร้อมเล่าต่อว่า
สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตที่ผู้เป็นพ่อหยิบยื่นให้คือมรดกทางการศึกษา จ้างครูมาสอนหนังสือที่บ้านจนสามารถอ่านออกเขียนได้ในที่สุด เธอใช้ความรู้ที่มีแบ่งเบางานของพ่อช่วยเหลืองานเท่าที่พอทำได้ อย่างการรับโทรศัพท์ลูกค้าและจดบันทึกข้อมูลไว้เวลาพ่อไม่อยู่ ระหว่างนั้นก็ฝึกฝนทักษะภาษาอังกฤษด้วยการท่องคำศัพท์ในทุกๆวันและอ่านหนังสือเพิ่มเติม ทำให้มีพื้นฐานด้านภาษาอังกฤษที่ดีในระดับหนึ่ง
กระทั่งอายุครบ 19 ปี นุ้ยขวนขวายหาทางเรียนหนังสือด้วยอยากมีวุฒิการศึกษาเพื่อการทำงานที่ดีในอนาคตจึงติดต่อหัวหน้า กศน.เขตราษฎร์บูรณะ ได้รับโอกาสให้สอบเทียบความรู้โดยใช้เวลาเรียนอยู่ 3 ปีจากอ่านหนังสืออยู่ที่บ้านพร้อมช่วยพ่อดูแลกิจการครอบครัวกระทั่งเรียนจบชั้นม.6
แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นนุ้ยต้องสูญเสียพ่อไปด้วย “เส้นโลหิตในสมองโป่งพอง” ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่มีวี่แววความเจ็บป่วยของผู้เป็นพ่อเลย เมื่อขาดเสาหลักยึดเหนี่ยวจิตใจหลังได้ทำบุญครบ100วันพ่อ เธอจึงตัดสินใจออกจากบ้านเพราะไม่ยากเป็นภาระให้กับแม่เลี้ยง โชคดีเธอได้พบกับครอบครัว “รัชตะชัยอนันต์” เพื่อนเก่าของพ่อเมตตารับเธอไปอยู่ด้วยพร้อมพาไปเที่ยวร่วมกับคนในครอบครัวที่พัทยา ทำให้ทราบข่าวว่าโรงเรียนอาชีวพระมหาไถ่ พัทยา มีการฝึกสอนวิชาชีพให้กับคนพิการ ความหวังในชีวิตได้เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อนุ้ยสอบติดและเข้าเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ ในหลักสูตรคอมพิวเตอร์และการจัดการธุรกิจ ภาคภาษาอังกฤษ เป็นเวลา 2 ปี
โดยก่อนหน้าที่จะจบได้งานที่บริษัทโพสต์เวย์ ในตำแหน่งพนักงานขายทางโทรศัพท์และดูแลเรื่องงานโฆษณา การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นเมื่อเจ้านายอนุญาตให้หยุดทุกครั้งเมื่อถึงเวลาสอบ เธอจึงได้ทำงานและเรียนไปพร้อมๆกันและจบในเดือนมีนาคม ปีพ.ศ. 2545 หลังทำงานนานกว่า 1 ปีบริษัทได้ปิดตัวลงนุ้ยต้องตกงานก่อนกลับมามีงานทำอีกครั้งที่ศูนย์คณะพระมหาไถ่ พัทยา ในตำแหน่งรับพนักงานจองห้องพัก ทำหน้าที่รับโทรศัพท์ติดต่อประสานงาน ทักษะภาษาอังกฤษนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในสถานที่นี้ จนในปีพ.ศ.2549 ได้เข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีที่มสธ.เพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถในระดับที่สูงขึ้น
วันนี้กายพิการไม่ได้เป็นปัญหาต่อการเรียนนุ้ยสามารถสำเร็จการศึกษาปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) ด้วยเกรดเฉลี่ย 2.43 สร้างความภูมิใจให้กับตัวเองและคนรอบข้าง ด้วยความมุมานะแบ่งเวลาอ่านหนังสือสรุปทบทวนบทเรียนก่อนนอนทุกวัน เมื่อถึงกำหนดการสอบที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ก็อาศัยขึ้นรถสองแถวจ่ายเพิ่มพิเศษเพื่อเข้าไปส่งถึงอาคารสอบ จากวั้นนั้นถึงวันนี้นุ้ยได้พิสูจน์ให้เห็นกายพิการไม่ใช่อุปสรรคในการเรียน ซึ่งในอนาคตเธอคาดหวังจะเรียนต่อปริญญาโทที่ มสธ. เพิ่มโอกาสทำงานในวิชาชีพจากการเรียนรู้ด้วยตัวเองไม่เป็นให้แก่ภาระผู้อื่น
“การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญช่วยพัฒนาโอกาสและศักยภาพความสามารถของผู้พิการให้เทียบเท่าคนทั่วไปที่จบปริญญา คนเราถ้ามีความรู้ย่อมสามารถทำงานได้ ซึ่งอาจจะต้องพยายามให้มากกว่าคนอื่นในการพิสูจน์ความรู้ความสามารถของตัวเราเอง” นุ้ยบอกและฝากถึงเพื่อนผู้พิการว่า
“ความพิการร่างกายใช่อุปสรรค ต่อให้หักแขน-ขา พาหวั่นไหว อาจจะฝืนยืนอยู่สู่ลำเค็ญ ขอเป็นเพียงคนไม่พิการใจ”
นี่คือตัวอย่างของ “หญิงผู้พิการ” ที่ไม่ยอมแพ้กับชะตาชีวิตลุกขึ้นยืนด้วยลำแข็งของตนเอง แม้คนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะเป็นได้….
เรื่องโดย: กิตติยา ธนกาลมารวย Team content www.thaihealth.or.th
Update:29-01-53
อัพเดทเนื้อหาโดย: กิตติยา ธนกาลมารวย