บทเรียนการทำงานจากประเทศจีน สู่ครูไทย
ที่มา : สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.)
ภาพประกอบจากสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.)
ใครที่เคยมีโอกาสได้อ่าน ย่อมทราบแล้วว่า ประสบการณ์ในการสอนที่ ครูเรฟ ร้อยเรียงขึ้นเป็นเรื่องราว เล่าไว้ในหนังสือ เป็นตัวอย่างให้เห็นว่า โรงเรียนประถมที่ตั้งอยู่กลางแหล่งเสื่อมโทรมที่แวดล้อมไปด้วย ผู้ติดยาเสพติด แก๊งอันธพาล อาชญากรรม และพลเมืองอเมริกันชั้นสองที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่โรงเรียนในดินแดนทุรกันดารกลาง มหานครลอสแองเจิลลิส ก็สามารถพลิกฟื้นตัวเอง
โรงเรียนแห่งนี้เป็นสถานที่ให้เด็ก ๆ พึ่งพิง ฝากอนาคต ไว้ได้ ทั้งหมด เกิดขึ้นได้ ด้วยการจัดการศึกษาอย่าเข้าใจและเข้าถึงปัญหาที่โรงเรียนและเด็กกำลังเผชิญอยู่ แบบอย่างที่เกิดขึ้นในห้อง 56 ของโรงเรียนประถมศึกษา โฮบาร์ตถูกส่งผ่านออกไป จนหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ ยกให้เป็นหนังสือเล่มสำคัญที่ครูและนักการศึกษาต้องอ่าน และกลายเป็นหนังสือ bestseller ในปี 2007
จากความสำเร็จดังกล่าวมานี้ สสค.ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และมูลนิธิสยามกัมมาจล จัดงานเสวนาวิชาการและเปิดตัวหนังสือ "ครูแท้แพ้ไม่เป็น" หนังสือเล่มใหม่ ของครูเรฟ ที่ได้ร่วมกันจัดทำและจัดแปลขึ้นเผยแพร่ พร้อมทั้งได้เชิญครูเรฟมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ภายใต้หัวข้อ “การพัฒนาครู: บทเรียนการทำงานจากประเทศจีน” ที่ โรงแรมวินด์เซอร์ สวีทส์แอนด์คอนเวนชั่น สุขุมวิท
นพ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการ สสค.กล่าวว่า ทุกหน่วยงานที่ได้ร่วมจัดแปลหนังสือเรื่อง Real Talk for Real Teachers โดยใช้ชื่อภาษาไทยว่า ครูแท้แพ้ไม่เป็น เห็นความสำคัญของการยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ของครู และเชื่อมั่นว่า หนังสือเล่มนี้จะมีส่วนในการจุดประกายแนวความคิดและพัฒนาการเรียนการสอนเช่นเดียวกับที่ สสค.เคยแปลหนังสือเล่มก่อนหน้านี้ของครูเรฟ ที่ชื่อว่า “ครูนอกกรอบกับห้องเรียนนอกแบบ” เมื่อปี 2554 ซึ่งบอกเล่าเทคนิคการทำงานของครู ที่ใช้ประสบการณ์ ก้าวผ่านปัญหาต่างๆ เพื่อส่งผ่านเรื่องราวไปสู่ครูและผู้สนใจต่อไป
จีนเป็นประเทศที่มีประชากรมากถึง 1,370 ล้านคน อีก มีชนกลุ่มน้อยอีกจำนวนมาก มีโรงเรียนและสถานศึกษา ถึง 680,000 แห่ง เพื่อรองรับจำนวนนักเรียนนักศึกษามากกว่า 320 ล้านคน ด้วยจำนวนดังกล่าว ย่อมส่งผลให้ตัวเลขการแข่งขัน เพื่อช่วงชิงโอกาสทางการศึกษาที่ดีที่สุดพุ่งสูงตามไปด้วย สิ่งที่ตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ก็คือบรรยากาศในการเรียนที่เคร่งเครียด
ครูเรฟ ได้เดินทางไปเยือนประเทศจีน มาแล้วถึง 15 ครั้ง เดินทางไปเมืองต่างๆ ถึง 50 เมือง ในช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา โดยได้รับเชิญเป็นวิทยากรพัฒนาผู้อำนวยการโรงเรียนและครูแกนนำ รวมถึงการสาธิตการสอนภาษาอังกฤษให้นักเรียนและผู้ปกครอง จากประสบการณ์การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การสอนในจีน ครูเรฟได้เห็นคุณสมบัติที่ดีของครูจีนหลายข้อที่สามารถนำมาเป็นเยี่ยงอย่างในการพัฒนาครูได้ โดยเมื่อเปรียบเทียบครูจีนกับครูอเมริกันแล้ว ครูจีนมีความรู้ในวิชาที่ตนเองสอนมากกว่า มีความเป็นมืออาชีพมากกว่า สามารถตั้งคำถามได้ดีกว่า ซึ่งคำถามเหล่านั้นบ่งบอกถึงความพยายามของครูจีนในการเข้าถึงเด็กที่มีปัญหาอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม ครูจีนยังมีปัญหาที่ควรแก้ไขอยู่หลายด้าน อาทิ หน่วยการจัดการศึกษาในจีนมีความเชื่อหนึ่งที่ว่า “ไม่มีเด็กนักเรียนที่แย่ มีแต่ครูเท่านั้นที่แย่” ซึ่งผิดไปจากความเป็นจริงอย่างมาก ความเชื่อนี้หยั่งรากลึกอย่างมากในใจของครู ผู้บริหารโรงเรียน รวมถึงผู้ปกครองเด็กในจีน ในที่สุดความเชื่อนี้จะทำให้ครูรุ่นใหม่กล่าวโทษตนเองเมื่อไม่สามารถช่วยเหลือเด็กได้และเกิดความท้อแท้ในการทำงาน นอกจากนี้ห้องเรียนที่ประเทศจีนนั้นแออัดมาก ทำให้ครูแต่ละคนต้องรับผิดชอบนักเรียนจำนวนมากเกินไป ครูหนึ่งคนเป็นศูนย์กลางความสนใจของเด็กนักเรียนกว่า 70 คน ซึ่งยากต่อการควบคุม ทำให้เด็กไม่ได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง
การแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ครูเรฟได้เสนอแนวทาง 3 ด้าน ได้แก่ 1.ครูควรตั้งเป้าหมายในการสอนให้ถูกต้อง เป้าหมายของครูไม่ใช่การสอนนักเรียนให้ทำข้อสอบปลายภาคได้ดีหรือการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง แต่เป็นการปลูกฝังทักษะชีวิตที่เด็กสามารถนำไปใช้ในอนาคตใน 5 ถึง 10 ปีข้างหน้า การสอบเป็นเพียงการประเมินว่าเด็กเข้าใจในเนื้อหาหรือไม่ หากเด็กทำคะแนนสอบได้ไม่ดี ครูต้องสร้างความเข้าใจว่าหากทำข้อสอบไม่ผ่านก็ไม่เป็นไร แล้วให้โอกาสเด็กพยายามใหม่จนกว่าจะเข้าใจในเนื้อหานั้น ทั้งนี้การวัดประเมินผลนักเรียนที่แท้จริงและควรจะเป็น คือ การติดตามดูเด็กในระยะ 10 ปี หลังจากจบการศึกษาได้เรียนรู้ ว่าเกิดอะไรกับพวกเขา และนำสิ่งที่เรียนไปใช้กับชีวิตจริงอย่างไร
2. ปลูกฝังคุณสมบัติความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นอย่างแท้จริง (empathy) ในตัวเด็ก เพราะคุณสมบัตินี้จะทำให้เด็กเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง เรฟยกตัวอย่างจากที่ได้ไปเยือนโรงเรียนแห่งหนึ่งในประเทศจีน โรงเรียนที่เพียบพร้อมไปด้วยสื่อการสอน ในชั้นประถมปีที่ 5 ซึ่งเต็มไปด้วยนักเรียนมากความสามารถ ครูประจำชั้นได้นำเสนอการแสดง ของนักเรียนคนหนึ่งที่สามารถร้องเพลงและเต้นได้เหมือนนักแสดงอาชีพที่มีชื่อเสียง จนครูประจำชั้นภูมิใจในตัวเด็กคนนี้และบอกว่า นี่เป็นเด็กที่เก่งที่สุดในห้อง ระหว่างการแสดง เด็กคนนี้ยื่นมือไปหาเพื่อน ๆ และคว้าตัวเด็กนักเรียนหญิงรายหนึ่งขึ้นไปบนเวที และเชื้อชวนในเด็กผู้หญิงเต้น แต่ด้วยความอายและสับสนที่ถูกบังคับ เธอกลับร้องไห้ การแสดงไม่สามารถสร้างความประทับใจได้ตามที่ครูประจำชั้นคาดหวัง แต่เรฟมองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นปัญหามากกว่า คือ ความเห็นอกเห็นใจในตัวเด็กผู้หญิง ที่ถูกมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย สิ่งที่เรฟพบเห็นจากชั้นเรียนจีนในครั้งนั้น ทำให้เขายืนยัน ว่า ความรู้เป็นสิ่งที่ละทิ้งไม่ได้ก็จริง แต่ ห้องเรียนทั่วโลกไม่อาจละเลยการสอนให้เห็นอกเห็นใจผู้อื่นได้เช่นกัน
3. สร้างความเข้าใจให้กับเด็กว่า ทุกสิ่งที่เด็กทำอยู่นั้นไม่ใช่การทำเพื่อครู แต่เป็นการทำเพื่ออนาคตของพวกเขาเอง ครูเรฟถามลูกศิษย์ของตนเองอยู่เสมอว่า “การเรียนรู้ของเราจะจบสิ้นลงเมื่อไหร่” และทุกครั้งเด็กๆ จะตอบว่า “ไม่มีวัน” เช่นเดียวกับการแก้ไขปัญหาด้านการศึกษา ไม่ว่าจะในประเทศจีน อเมริกา หรือไทย ปัญหาด้านการศึกษาจะไม่มีวันหมดไป ครูเองจึงควรคำนึงอยู่เสมอว่างานของครูนั้นไม่มีวันจบสิ้น ครูต้องพัฒนาและเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา เช่นเดียวกับที่ครูเรฟยังคงพัฒนาตนเองและเรียนรู้จากความผิดพลาดอยู่ทุกวันราวกับเป็นครูมือใหม่ที่เพิ่งจะเริ่มต้นอาชีพเท่านั้น
อนึ่งครูเรฟ เอสควิท ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติมากมายจากทั้งหน่วยงานของรัฐและเอกชน อาทิ เครื่องราชอิสริยาภรณ์จากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบทที่ 2 และองค์ดาไล ลามะ รางวัล President’s National Medal of the Arts, รางวัล American Teacher Award, รางวัล Heroes among Us Award ของนิตยสาร People, รางวัล Use Your Life Award จากรายการโชว์ของโอปราห์ วินฟรีย์ และต่อยอดจากงานกิจกรรมวิชาการของ สสค.ร่วมกับ ครูเรฟ เอสควิท เมื่อปลายเดือนกันยายน สสค.จัดเวที ‘ห้องเรียน 4.0’ = ทาง (ต้อง) เลือกเพื่อเดินหน้าประเทศไทย โดย ดร.วิริยะ ฤาชัยพาณิชย์ วันพุธที่19 ตุลาคม 2559 เวลา 13:00-15:30 น. ณ ห้องประชุม 2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 21
ผู้สนใจเข้าร่วมงานสำรองที่นั่งได้ที่ นส. ฉันทิชา งามวงศ์ โทร. 083 096 1644 หรือ นส.วนัสนันทน์ โลกวิทย์ โทร. 064 158 7180