บทบาทพ่อที่หายไป เกิดอะไรขึ้นกับเด็กไทย (2)

สร้างต้นทุนชีวิตเด็ก ด้วยสัมผัสรักจากพ่อ

บทบาทพ่อที่หายไป เกิดอะไรขึ้นกับเด็กไทย (2) 

          บทบาทของพ่อนับวันได้ว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งในการมีส่วนร่วมช่วยแม่เลี้ยงดูลูก เริ่มตั้งแต่ วัยทารก “บ่อเกิดความรักความผักพันและไว้วางใจ ทั้งต่อตนเอง บุคคลใกล้ชิด (พ่อแม่) และผู้อื่น”

 

          ในวัยนี้ มารดาเป็นผู้ดูแลหลัก ทำให้เกิดความรักความผูกพันกับลูกอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะมารดาที่เลี้ยงดูลูกด้วยนมแม่ ซึ่งหากพ่อร่วมด้วยในการดูแลลูกวัยนี้ จะทำให้ความรักและความผูกพันต่อพ่อแนบแน่นได้เช่นกัน และการเรียนรู้ที่วิเศษจากความแตกต่างในทักษะของพ่อและแม่ก็จะเกิดแก่ลูก กล่าวคือ แม่จะเลี้ยงลูกกด้วยความนุ่มนวล ทั้งเสียงและการสัมผัสอ่อนโยนมีจังหวะที่ลงตัว ในขณะที่พ่อจะสัมผัสลูกได้หยาบกระด้างกว่าแต่มีทีท่าที่มั่นคง แข็งแรง น้ำเสียงที่ใหญ่ จังหวะที่ไม่สม่ำเสมอทำให้ลูกเกิดความตื่นเต้น เร้าใจ ในการเรียนรู้จากทั้ง 2 บุคลิก ต้นทุนชีวิตแก่เด็กวัยนี้จากบริบทของพ่อที่ช่วยแม่เลี้ยงลูกจะทำให้เกิด

 

          1. ความรัก ความผูกพัน

 

          2. ความไว้วางใจ มองโลกในแง่ดี

 

          3. เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่

 

          4. การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และปรับตัวได้ง่ายในสังคม

 

          5. เข้ากับผู้อื่นได้ง่าย

 

          วัยปฐมวัย “บ่อเกิดแห่งการเรียนรู้ของลูก”

 

          ด้วยการเลี้ยงลูกของพ่อแม่ที่มักชอบให้ลูกเล่นของแปลกใหม่ ท้าทาย เล่นเกม เล่นหกคะเมนตีลังกา สร้างสิ่งกีดขวางแบบง่ายๆ ให้ลูกได้หัดแก้ปัญหา ทำให้เด็กเกิดความพยายามในการค้นพบ เพื่อไปสู่จุดหมายให้สำเร็จ เด็กเหล่านี้จะได้รับการพัฒนาการเรียนรู้ และต้นทุนชีวิตต่างๆ คือ

 

          1. การเรียนรู้ความเป็นนักวิทยาศาสตร์

 

          2. ทักษะการแก้ปัญหา (Problem-solving skill) โดยเฉพาะคณิตศาสตร์/โจทย์ปัญหา

 

          3. วางแผน

 

          4. การควบคุมอารมณ์ (Emotional Regulation)

 

          วัยเรียน “บ่อเกิดทักษะต่างๆ”

 

          เมื่อพ่อเลี้ยงลูก สร้างแนวคิดคร่าวๆ ที่เหลือหัดให้ลูกแก้เองจนสำเร็จ ประกอบด้วยลูกเริ่มรู้จักพ่อจากการทำงานของพ่อ เห็นความรับผิดชอบและแบบอย่างที่ดีต่องานนอกบ้านและในบ้านและบุคลิกที่ดี ไม่มีความรุนแรงและรับฟัง จะทำให้ลูกเกิดต้นทุนชีวิตด้านต่างๆ ดังนี้

 

          1. ทักษะการคิดวิเคราะห์ วางแผน

 

          2. ทักษะการแก้ข้อขัดแย้ง แก้ปัญหาด้วยสันติวิธี

 

          3. พลังความเชื่อ อันเกิดจากความเพียรพยายามมากกว่าโชคชะตา

 

          4. เด็กจะมีความรับผิดเพิ่มมากขึ้น ลดการกล่าวโทษผู้อื่นและสิ่งแวดล้อม

 

          5. เด็กจะมีความอดทนต่อความยากลำบากเพิ่มมากขึ้น

 

          บุคลิกภาพของพ่อ ผนวกกับสัมพันธภาพที่ดีในครอบครัว จะทำให้เด็กวัยรุ่นรู้สึกศรัทธาบุคลิกลักษณะของพ่อทั้งวัยรุ่นผู้ชายที่จะพยายามเจริญรอยตามและทำให้ดีที่สุดหรือดีกว่าในขณะที่วัยรุ่นผู้หญิงเองก็จะมีผลต่อความประทับใจเก็บไว้ในความทรงจำ เวลาเติบใหญ่จะมีผลในการเลือกคู่ครองของตนเองต้นทุนชีวิตที่จะเกิดกับเด็กในวัยนี้

 

          1. พัฒนาบุคลิกภาพให้สมกับเพศและสมกับวัย

 

          2. ทักษะในการคบค้าสมาคมต่างเพศ ต่างวัย

 

          3. ความรัก ความเข้าใจ

 

          ฉะนั้น การที่พ่อลดบทบาทการเลี้ยงลูกในครอบครัวส่งผลกระทบต่อพัฒนาการรของลูกในอนาคตเป็นอย่างมาก และหากดูกระแสของสถานการณ์ครอบครัวปัจจุบันเป็นที่น่าตกใจว่าหากอัตราการหย่าร้างที่สูงขึ้น หรือครอบครัวขนาดเล็กมีมากขึ้น ประกอบด้วย พ่อแยกส่วนไม่ทุ่มเทช่วยแม่ในการเลี้ยงลูกในอนาคตเยาวชนบ้านเราเติบโตขึ้นจะเกิดทุกขลักษณะต่อไปนี้ (ขึ้นกับสิ่งแวดล้อมที่ขาดเบ้าหลอมร่วมด้วย)

 

          1. ขาดบุคลิกภาพ เกิดเพศที่สามมากขึ้น : กะเทย

 

          2. ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา (Antisocial) ขวางโลก ขวางสังคม ขาดการควบคุมอารมณ์

 

          3. ขาดทักษะในการวางแผน คิดวิเคราะห์

 

          4. ขาดความอดทนและความเพียรพยายาม

 

          5. ขาดความเชื่อมั่นจากฝีมือตนเอง แต่หวังพึ่งโชคชะตามากขึ้น

 

          6. ขาดความกล้าในการแสดงออก

 

          7. ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม

 

          8. ขาดความรักและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่

 

          9. ปรับตัวในสังคมได้ยาก

 

          10. ขาดทักษะการแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี

 

          หมายเหตุ เว้นเสียแต่ว่าหากไม่มีพ่อ หรือพ่อไม่ช่วยแม่ในการเลี้ยงลูกด้วยความตั้งใจ แต่มีแม่ที่มีความสามารถพิเศษที่สามารถพัฒนาสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ประกอบกับสิ่งแวดล้อมที่อบอุ่นหรือเด็กสามารถซึมซับบุคลิกภาพจากผู้คนแวดล้อม เช่น พี่ น้า อา ลุง ตา หรือครู ผู้ดูแลที่เด็กให้ความไว้วางใจ

 

 

 

 

 

 

ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน

 

 

Update 29-12-51

Shares:
QR Code :
QR Code