นำร่องเปิดโรงเรียนผู้สูงอายุ
ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
แฟ้มภาพ
ปัจจุบันประเทศไทยเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมาตั้งแต่ปี 2547 และจะเป็นสังคมของผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ในปี 2567 หรือ อีก 8 ปีข้างหน้า จากตัวเลขวิเคราะห์ของนักวิชาการประเทศไทยมีผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 60 ปี ขึ้นไปประมาณ 20% หรือประมาณ 13 ล้านคนจากประชากรไทย 68 ล้านคน ดังนั้นหลายหน่วยงานต่างตื่นตัวและเตรียมพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ล่าสุดที่ศาลาที่ประชุมของ อบต.นาพู่ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานในพิธีเปิดโรงเรียนผู้สูงอายุ ต.นาพู่ โดยมี พลตรีอำนวย จุลโนนยาง ผบช.มทบ.ที่ 24 นายภูมพัฒน์ ธนาสิทธิ์ตานน์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย จังหวัดนายพงษ์พันธ์ แสงสุวรรณ นายอำเภอเพ็ญ หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมในพิธี และบุคคลที่เป็นนักเรียนผู้สูงอายุใน ต.นาพู่ จำนวน 400 คน
นายอำนวย อินทรธิราช นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)นาพู่ กล่าวว่า โรงเรียนผู้สูงอายุ ต.นาพู่ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ดำเนินการภายใต้นโยบายของกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยการสนับสนุนของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.อุดรธานี ที่ส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) จัดตั้งโรงเรียนผู้สูงอายุ และให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ อันที่จะสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ จ.อุดรธานี ด้านผู้สูงอายุ เพื่อให้ผู้สูงอายุได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ภายใต้คำขวัญที่ว่า "แก่อย่างมีคุณค่า ชราอย่างมีคุณ-ภาพ"
"โรงเรียนผู้สูงอายุ ต.นาพู่ ดำเนินการมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม2559 ผ่านการประชาคมหมู่บ้าน การจัดทำแผน การประชุมเครือข่ายการประชาสัมพันธ์ การเปิดรับสมัครนักเรียนผู้สูงอายุ ซึ่งจนถึงปัจจุบันมีผู้สูงอายุสมัครเข้าเรียนในโรงเรียนผู้สูงอายุ ต.นาพู่แล้ว จำนวน 400 คน จากผู้สูงอายุในพื้นที่ ต.นาพู่ ทั้งหมดจำนวน 1,245 คน ถือเป็นโรงเรียนผู้สูงอายุแห่งแรกของ จ.อุดรธานี จากจำนวน อปท.18 แห่งโดยจะเป็น อปท.นำร่องเปิดโรงเรียนผู้สูงอายุของจังหวัดด้วย" นายกอบต.นาพู่ กล่าว
สำหรับการเรียนการสอนนั้น เปิดทำการสอนเดือนละ 2 ครั้งสัปดาห์เว้นสัปดาห์ กำหนดให้ผู้เรียนสูงอายุแต่งกายในชุดนักเรียน โดยได้รับการสนับสนุนวิทยากรจากเครือข่ายหมุนเวียนมาทำการบรรยายวิชาการต่างๆตามหลักสูตรที่ทางโรงเรียนผู้สูงอายุ ต.นาพู่ และคณะกรรมการศึกษาฯ จัดทำขึ้นมา โดยเน้นเรื่องของความสุขและเสียงหัวเราะของผู้สูงอายุเป็นสำคัญ เช่น การอบรมความรู้ด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิตการดูแลตัวเองและผู้อื่น ทักษะด้านอาชีพ ทักษะใช้ชีวิตเมื่อเข้าสู่สังคมการเยี่ยมบ้านและการมีจิตอาสา
ด้านนายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี บอกว่าอบต.นาพู่ ได้เล็งเห็นความสำคัญต่อผู้สูงอายุ ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่ควรค่าแก่การรักษา และทำนุบำรุงดูแล ให้มีชีวิตที่ดีตามวัยของผู้อาวุโส และยังเป็นการสนองนโยบายของกรมกิจการผู้สูงอายุกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และองค์กรชุมชนที่มีเป้าหมาย และเจตนารมณ์ร่วมกันในการผลักดันให้มีโรงเรียนผู้สูงอายุครอบคลุม ทุกพื้นที่มากที่สุด อย่างไรก็ตามการดำเนินการภายใต้โรงเรียนผู้สูงอายุ ต้องมีการบูรณาการ แบบมีส่วนร่วมในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ในแนวคิดที่ว่า "ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมสร้าง" และต้องมีส่วนร่วมในกระบวนการ เพื่อให้เกิดการพัฒนาผู้สูงอายุอย่างเป็นองค์รวม โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ต้องทำกิจกรรม 3 อ. คือ อาหารอารมณ์และออกกำลังกาย
ขณะที่นายภูมพัฒน์ ธนาสิทธิ์ตานน์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด เพิ่มเติมว่า การดำเนินการจัดตั้งโรงเรียนผู้สูงอายุดังกล่าวนั้น เป็นนโยบายของกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ ที่มีเป้าหมายที่ให้ทุกจังหวัดและทุก อปท. มีการจัดตั้ง ส่วน จ.อุดรธานี มีการสำรวจความพร้อมแล้วเป็นการนำ ร่อง อปท. 18 แห่ง และที่ อบต.นาพู่ เป็นแห่งแรกที่มีความพร้อมจน สามารถจัดตั้งได้ ส่วนที่เหลืออีก อปท. 17 แห่ง ก็จะมีการจัดตั้งต่อไป
สำหรับ จ.อุดรธานี จากการสำรวจแล้วพบว่ามีผู้สูงอายุอยู่ประมาณ 199,600 คน และที่โรงเรียนผู้สูงอายุ ต.นาพู่ นี้ เป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่มีผู้สูงอายุให้ความสนใจในการดูแลตัวเอง โดยมีนักเรียนผู้สูงอายุมากที่สุดของโรงเรียนคือ นางสมพร โคตรคาม อายุ 87 ปีอยู่บ้านเลขที่ 40 ม.3 บ้านหนองนกเขียน ต.นาพู่