"นาฏลีลา" พัฒนาสุขภาวะ ตามรอยวิถีไทย
วันก่อนมีโอกาสเดินทางไปกับสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้เพื่อสุขภาวะเด็กและเยาวชน (สสค.) โดยมี ดร.อุบล เล่นวารี เป็นหัวหน้าทีม ไปเยี่ยมโรงเรียนชุมชนวัดท่าเดื่อ อยู่ที่อำเภอเมืองฯ จังหวัดเชียงใหม่
ดร.อุบล เล่นวารี เป็นหัวหน้าโครงการติดตามสนับสนุนและประเมินผล โครงการต่อยอดนวัตกรรมสร้างสรรค์การเรียนรู้เพื่อสุขภาวะเด็กและเยาวชน และประธานกรรมการโครงการเพชรยอดมงกุฎ มูลนิธิร่มฉัตร ซึ่งมีพระพรหมมังคลาจารย์ เป็นประธาน พอไปถึง คุณครูทั้งโรงเรียน เด็กๆ และสาวรำวงในเครื่องแต่งกายกระโปรงสั้น พร้อมแดนซ์กระจายมาเตรียมการต้อนรับ ทีแรกตกใจว่าทำไมต้องต้อนรับกันขนาดนี้ ครั้นมองหน้าสาวรำวงชัดๆ เริ่มเอะใจ เพราะมีทั้ง สว. ผู้สูงวัยผสมปนมากับสาววัยคุณแม่ และคุณแม่บ้านทั้งนั้น
พอพวกเรานั่งได้ที่ น้องๆ จากโรงเรียนวัดท่าเดื่อ ก็ออกมาแสดงนาฏลีลาต้อนรับ จากนั้นก็เป็นการแสดงของคุณครูทั้งโรงเรียน และไปจบชุดแรกที่บรรดาสาวรำวงทั้งหลาย เป็นการรำวงย้อนยุค สรุปแล้วทั้ง 3 กลุ่ม 3 ชุดนี้สร้างความครึกครื้นและคึกคักไม่น้อย
แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ การแดนซ์แบบนี้ ทำให้สุขภาพดีอีกด้วย ส่วนที่น่าทึ่งเห็นจะเป็นการที่คุณครูทั้งโรงเรียน มาร่วมวาดลวดลายด้วยตัวเอง ลบภาพลักษณ์คุณครูโบราณ ยืนถือไม้เรียวทำโทษเด็กอย่างเดียวไปเลย
อาจารย์เยาวลักษณ์ ศรีนวล ครูผู้รับผิดชอบโครงการบอกว่า แรกๆ คุณครูส่วนใหญ่ก็เขินอายกันเล็กน้อย แต่ครั้นลงมือทำกันไปเรื่อยๆ ปรากฏว่า กิจกรรมนี้ช่วยลดน้ำหนัก ทำให้กระฉับกระเฉงขึ้น ที่สำคัญสนุกตรงที่ได้ทำร่วมกับเด็กและพ่อแม่ผู้ปกครองในชุมชนด้วย
โรงเรียนชุมชนวัดท่าเดื่อ เป็นโรงเรียนขยายโอกาสที่นักเรียนส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่มีฐานะยากจน อีกส่วนเป็นลูกหลานของแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในพื้นที่ และพบปัญหานักเรียนขาดเรียนบ่อย เนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพ คณะครูและผู้บริหารโรงเรียนชุมชนวัดท่าเดื่อ จึงทำโครงการ "หนึ่งห้องเรียน หนึ่งนวัตกรรม สืบสานนาฏศิลป์ไทย สายใยแห่งการเรียนรู้" และได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้เพื่อสุขภาวะเด็กและเยาวชน (สสค.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เมื่อปี 2554 ปรากฏว่าผลของกิจกรรมเป็นที่น่าพอใจว่าช่วยแก้ปัญหาของเด็กๆ ได้
ล่าสุดที่เราไปดูนี้เป็นการต่อยอดโครงการเดิม โดยการใช้กิจกรรมการเคลื่อนไหวในรูปแบบของ "นาฏศิลป์" ขึ้นมาเพื่อส่งเสริมสุขภาพอนามัย โดยใช้ชื่อโครงการ "หนึ่งห้องเรียน หนึ่งนาฏลีลา พัฒนาเด็กไทย ใส่ใจสุขภาพ" ต้องบอกว่า โครงการนี้คุณครูทั้งโรงเรียนให้ความร่วมมือ โดยอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนคนก่อน และ ผอ.วรัญญา ชัยพิกุล ผู้อำนวยการคนปัจจุบัน เป็นผู้บัญชาการ เพราะเท่าที่ดูคุณครูออกมารำวงได้ทุกคน
เสร็จสรรพจากการแสดงต้อนรับ คุณครูทั้งหมดไปรวมกับนักเรียนที่หน้าเสาธง เต้นบั๊ดสลบ เพลงเต้นขึ้นชื่อของลาว เล่นเอาทีมติดตามโครงการ สสค.อย่าง ดร.วรัญญา เลิศศิลป์ และ ดร.อุดม วงษ์สิงห์ นักวิชาการหนุ่มจาก สสค. อดใจไม่ไหว ลงไปขยับด้วย แต่สองท่านหลังนี่เต้นแล้วเกือบสลบ ด้วยความเมื่อย
ในส่วนของนาฏศิลป์ ที่อาจารย์เยาวลักษณ์ ศรีนวล เป็นผู้รับผิดชอบโครงการนั้น อาจารย์บอกว่า นาฏศิลป์ไม่ได้มีเพียงแค่ความสวยงาม แต่สามารถนำมาพัฒนาสุขภาพของนักเรียนได้ เพราะการเรียนนาฏศิลป์จะต้องมีการฝึกท่าทางและสรีระร่างกายในรูปแบบต่างๆ โดยความสวยงามอ่อนช้อยในการแสดงจะเกิดขึ้นมาพร้อมกับความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของร่างกายแขนขาของผู้ที่ร่ายรำ
จากนั้นอาจารย์เยาวลักษณ์ก็พาพวกเราเข้าไปดูในห้องรำ ให้นักเรียนแสดงท่าทางก่อนที่จะรำว่าต้องมีการยืดเส้นยืดสายกันก่อนเหมือนกับการวอร์มร่างกายก่อนการออกกำลังกาย เพื่อให้เกิดการพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก มัดใหญ่ ต้องยอมรับว่า ท่าการยืดเส้นแต่ละท่า คล้ายกับการทำโยคะแบบที่กำลังนิยมกันในขณะนี้ เห็นเด็กทำ ผู้ใหญ่ก็พากันทำตาม แล้วก็ได้ยินเสียงโอ๊ยอ๊ายจากบรรดาป้าๆ ที่ทำตามนี่แหละ เพราะของป้าๆ ยืดเท่าไหร่ก็ไม่ไปสักที
อาจารย์เยาวลักษณ์เล่าต่อว่า ทางโรงเรียนยังได้แต่งเพลงเพื่อสุขภาพ รณรงค์เรื่องของการสูบบุหรี่ อาหาร ความมีวินัย และอื่นๆ อีกมากมาย เด็กๆ ที่ได้มาฝึกตรงนี้ นอกจากยืดเส้นยืดสาย พัฒนากล้ามเนื้อต่างๆ แล้ว ก็จะได้เรียนรู้วิชานาฏศิลป์ และมีความรู้เรื่องสุขภาวะผ่านเพลง โดยโครงการนี้สอนและฝึกนาฏศิลป์ให้กับนักเรียนทุกระดับชั้น ตั้งแต่ ป.1 – ป.6 ชั้นเรียนละ 1 ชุดการแสดง ประกอบด้วย ฟ้อนเส้นฝ้ายด้ายงาม ฟ้อนบุปผานันทบุรี ระบำนาฏลีลา หยาดฟ้าพัฒนาสุขภาพ ฟ้อนรวมใจไทยรักสุขภาพ ยิ้มสยามงามน้ำใจ เด็กดีมีวินัย และการแสดงรำมวยไทย ของเด็กพิเศษเรียนร่วม
ส่วนรำวงย้อนยุคนั้น อาจารย์ปรารถนาดี มณีวัง ครูผู้รับผิดชอบโครงการอีกท่านหนึ่งบอกว่า นอกจากเรียนรู้เรื่องของสุขภาวะผ่านการแสดงนาฏศิลป์แล้ว ทุกๆ วันช่วงเข้าแถวเคารพธงชาติ คณะครูและนักเรียนทุกคนยังต้องทำกิจกรรม "รำวงย้อนยุค" เพื่อสุขภาพที่หน้าเสาธงเป็นประจำทุกวัน
อาจารย์ปรารถนาดีเล่าว่า หลังจากเข้าแถวตอนเช้าแล้วจะมีการดึงท่ารำวงมาตรฐานมาใช้ในการออกกำลังกาย และมีการนำเพลงสวรรค์เมืองลาวมาประกอบการเต้นบั๊ดสลบที่ได้ขยับทั้งมือทั้งเท้า และได้ขยับตัวซ้าย ขยับตัวขวา เดินหน้าถอยหลัง ซึ่งเป็นการออกกำลังกายผ่านการรำวงย้อนยุค และได้นำกิจกรรมรำวงย้อนยุคนี้ไปเผยแพร่ต่อในชุมชน ซึ่งได้รับความสนใจจากกลุ่มแม่บ้านเป็นอย่างมาก เพราะได้สนุกและออกกำลังกายไปพร้อมกัน
เห็นแล้วเข้าใจ ทำไมคุณครูที่นี่อารมณ์ดีและหุ่นดี ปลื้มใจแทนว่ายังมีครูไทยยังเป็นที่พึ่งของเด็กและชุมชนได้
ส่วนโรงเรียนอื่นๆ ชุมชนไหน หรือองค์กรใดๆ อยากนำไปทดลองใช้ก็ได้ไม่ว่ากัน หรือหากต้องการสอบถามก็สามารถโทร.ติดต่อไปที่อาจารย์เยาวลักษณ์ ศรีนวล ได้เลย ที่ 08-3186-9524
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊กโรงเรียนชุมชนวัดท่าเดื่อ