นักวิชาการเตือน 54 จังหวัด เสี่ยงภัยดินถล่ม

ที่มา : เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์


นักวิชาการเตือน 54 จังหวัด เสี่ยงภัยดินถล่ม thaihealth


นักวิชาการเตือน 54 จังหวัด 5,000 หมู่บ้านอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่ม ทั้งแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ฯลฯ เตรียมเสนอกฎหมายรับมือภัยดินถล่ม


จากกรณีที่เกิดเหตุการณ์ดินจากภูเขาถล่มลงมาทับบ้านเรือนราษฎรบ้านห้วยขาบ หมู่ที่ 7 ต.บ่อเกลือเหนือ อ.บ่อเกลือ จ.น่าน ทำให้มีบ้านเรือนเสียหายจำนวน 4 หลัง และเสียหายบางส่วนจำนวน 2 หลัง มีผู้เสียชีวิต 8 ราย (ชาย 2 คน หญิง 6 คน/เสียชีวิตทั้งครอบครัว 1 ครัวเรือน) ต่อมาจังหวัดน่านได้ประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตภัยพิบัติ และมีคำสั่งอพยพชาวบ้านห้วยขาบทั้งหมู่บ้าน


เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ได้จัดแถลงข่าวเรื่อง “ดินถล่มและระบบเตือนภัยในประเทศไทย” ที่ห้องประชุม สกว. โดย รศ.ดร.สุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์ หน่วยวิจัยดินถล่ม ศูนย์วิจัยและพัฒนาวิศวกรรมปฐพีและฐานราก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า จากการศึกษาตั้งแต่ปี 2545 พบว่าประเทศไทยมีแนวโน้มเกิดดินถล่มมากขึ้นเรื่อยๆ


ทั้งนี้ มีผลจากการเติบโตทางเศรษฐกิจและนโยบายเร่งการส่งออกผลิตผลทางการเกษตร การเพิ่มพื้นที่เกษตรกรรม อาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดดินถล่มมากขึ้น จึงจำเป็นต้องศึกษาวิจัยหาองค์ความรู้นำมาสู่มาตรการป้องกัน นอกจากนี้ พิบัติภัยดินถล่มจากธรรมชาติจะมีช่วงการอุบัติซ้ำทุก 5-6 ปี


ส่วนสาเหตุที่ดินถล่มมี 2 ประเภท คือ จากน้ำมือมนุษย์ เช่น การตัดตีนเขา ตัดถนนโดยไม่มีการป้องกัน การสร้างบ้านเรือนขวางร่องน้ำ ส่วนดินถล่มตามธรรมชาติอาจเกิดจากฝนตกหนัก ทำให้น้ำใต้ดินไหลไปตามแนวลาดเขา ทำให้เกิดดินสไลด์บริเวณตื้นๆ


ในกรณีบ้านห้วยขาบ อ.บ่อเกลือ เป็นพื้นที่ที่มีฝนตกต่อเนื่องตลอด 20 วัน ทำให้น้ำซึมลึกลงใต้ดิน ส่งผลให้น้ำใต้ดินด้านล่างยกตัวสูงขึ้น เฉพาะบ้านห้วยขาบเป็นหุบที่น้ำไหลลงมา มีความลาดชัน 25 องศา ทั้งฝนและดินจึงไหลลงมา และมีแนวรอยเลื่อนของเปลือกโลกวิ่งตัดผ่านจุดเกิดเหตุ จากหินที่พบในที่เกิดเหตุแสดงว่าเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่มเดิม


รศ.ดร.สุทธิศักดิ์กล่าวด้วยว่า มาตรการในการเตือนภัยดินถล่มเป็นเรื่องที่ชุมชนสามารถเฝ้าระวังได้ โดยใช้เครื่องมือตรวจวัดปริมาณน้ำฝนที่ชุมชนสามารถอ่านค่าน้ำฝนได้เอง เพราะน้ำฝนเป็นตัวก่อเหตุดินถล่ม จากนั้นเป็นเรื่องที่ชุมชนต้องสร้างความเข้มแข็ง กระตุ้นการเฝ้าระวังในชุมชน เพราะไม่มีหน่วยงานใดอยู่กับชุมชนได้ตลอด 24 ชั่วโมง


นอกจากนี้ยังมีกล่องเตือนภัยดินถล่ม ซึ่งจะส่งสัญญาณจากภูเขามายังหมู่บ้าน และล่าสุดพัฒนาแอปพลิเคชัน LandslideWarning.Thai เมื่อกรอกข้อมูลแล้วจะสามารถระบุสถานะในปัจจุบัน สามารถเตือนภัยล่วงหน้าได้ 3-4 วัน


 


ผู้เชี่ยวชาญเรื่องดินถล่มกล่าวเตือนพื้นที่เสี่ยงภัยว่า นอกจากจังหวัดน่านแล้วยังมีพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่มอีกหลายจังหวัด เช่น แม่ฮ่องสอน ดอยปุย จ.เชียงใหม่ และดอยช้าง ต.วาวี อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ซึ่งมีประชาชนอาศัยอยู่ประมาณ 6,000 คน เมื่อตรวจวัดด้วยเครื่องมือที่มีความละเอียดสูง พบว่าหมู่บ้านมีอัตราการขยับตัวลงไปที่ตีนดอยปีละ 50 เซนติเมตร ตรวจพบว่ามีรอยแยกบนถนนและกำแพงบ้าน ตำแหน่งบ้านมีการเคลื่อนตัวประมาณ 7 เมตรใน 10 ปี ซึ่งหมู่บ้านนี้อยู่ในกองดินถล่มเดิม


นายนิวัติ บุญนพ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 1 กล่าวว่า กรมทรัพยากรธรณีได้จัดทำพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่มรายภาคและรายจังหวัด โดยคำนวณจากลักษณะทางธรณีวิทยาของหินว่ามีความทนต่อการผุกร่อนเพียงใด รวมถึงที่ตั้งชุมชน ที่ดิน ความลาดชันของพื้นที่ตั้งแต่ 30 องศาเป็นต้นไป โดยมีปริมาณน้ำฝนเป็นตัวตัดสิน โดยพื้นที่สีแดงมีปริมาณน้ำฝน 100 มิลลิเมตรต่อวันก็ทำให้ดินถล่มได้ พื้นที่สีเหลืองปริมาณน้ำฝน 200 มิลลิเมตร และพื้นที่สีเขียว 300 มิลลิเมตร สำหรับพื้นที่เสี่ยงภัยในประเทศไทยมี 54 จังหวัด ประมาณ 5,000 หมู่บ้าน


“พื้นที่บ้านห้วยขาบ อำเภอบ่อเกลือ ไม่เหมาะสมต่อการอยู่อาศัย ควรหาพื้นที่อยู่ใหม่ และควรจัดระบบเฝ้าระวังเตือนภัยของหมู่บ้านให้มีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงเตรียมรับมือเหตุการณ์ที่พร้อมจะเกิดขึ้นเมื่อมีฝนตกติดต่อกัน ซึ่งตั้งแต่ปี 2560 เราได้จัดตั้งศูนย์เรียนรู้ธรณีพิบัติภัยรายภาค ตัวแทนรายลุ่มน้ำ 30 ลุ่มน้ำ เพื่อกระจายองค์ความรู้แก่เครือข่ายรอบนอก ขณะนี้จัดตั้งสำเร็จแล้ว 7 ลุ่มน้ำ คือ ลุ่มน้ำกก ลุ่มน้ำปิง ลุ่มน้ำน่าน ลุ่มน้ำทางตะวันออกที่ระยอง ลุ่มน้ำมูล ลุ่มน้ำตาปี และที่นครศรีธรรมราช” นายนิวัติกล่าว


ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ขณะนี้กรมโยธาธิการและผังเมืองกำลังร่างกฎหมายเกี่ยวกับดินถล่มเพื่อบังคับใช้ในอนาคต โดยมีกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 2 ฉบับ คือ กฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร และกฎหมายว่าด้วยการขุดดินและถมดิน เช่น มีมาตรการกำหนดการก่อสร้าง ลักษณะอาคารต้องห่างจากบริเวณดินถล่ม การสร้างกำแพงคันดิน กำหนดความลาดชันที่เหมาะสม บริเวณที่ห้ามก่อสร้าง ข้อบังคับมาตรการการป้องกันการพังทลายของสิ่งปลูกสร้าง มาตรการการพังทลายของดิน การขุดดิน ถมดินที่ถูกต้อง ไม่กีดขวางทางน้ำ ฯลฯ


 

Shares:
QR Code :
QR Code