นวัตกรรม อาหารท้องถิ่น

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ


ภาพประกอบจากเว็บไซต์บ้านเมือง


นวัตกรรม อาหารท้องถิ่น thaihealth


ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในปัจจุบันคน รุ่นใหม่มีความหลากหลาย ในการใช้ชีวิต และมีรูปแบบการคิดที่แตกต่างและสร้างสรรค์ เมื่อชื่นชอบหรือสนใจสิ่งใด แล้วจะ มุ่งทำสิ่งนั้นอย่างสุดความสามารถ ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับสิ่งนั้นและ ใส่ความเป็นตัวตนลงไปในกิจกรรมที่ทำ


แม้ในบางกิจกรรมที่ดูเหมือนจะธรรมดา แต่เมื่อผ่านความคิดสร้างสรรค์ ก็สามารถกลายเป็นกิจกรรมที่มีคุณค่าและน่าสนใจได้


ซึ่งความคิดสร้างสรรค์เหล่านี้ สามารถนำมาพัฒนาสังคมได้ อย่างเช่น โครงการมหกรรมเยาวชนนวัตกรรมทางสังคม ซึ่งมีหลายโครงการใช้ วัสดุจากท้องถิ่น และผลผลิตทาง ออร์แกนิค รวมถึงคำนึงความยั่งยืน ในการพัฒนาต่อยอด


ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ชานนท์ โกมลมาลย์ อาจารย์ประจำคณะ สังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ผู้จัดการโครงการ "มหกรรมเยาวชนนวัตกรรมทางสังคม" กล่าวว่า ผลผลิตความคิดสร้างสรรค์ดังกล่าว เกิดจากพลังของเยาวชน รุ่นใหม่ ที่สามารถนำสิ่งรอบกาย ไปประยุกต์ใช้และต่อยอดในแง่มุม ต่างๆ ผ่านการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ในหลากหลายแง่มุม จากโครงการ "มหกรรมเยาวชนนวัตกรรมทางสังคม" (Social Innovation and Youth Expo) ซึ่งเป็นความร่วมมือของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยเป็นโครงการที่เปิดพื้นที่ให้เด็กและเยาวชนนำความสนใจของตนเอง นำมาใช้ในการสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ และยั่งยืน


ใส่บาตร อย่าหนักหวาน


ฉัตรชัย แว่นตา ตัวแทนจาก กลุ่มนวัตกรรมทางสังคมฝีมือเยาวชน "เสริมสร้างสุขภาวะพระสงฆ์" กล่าวว่า ปัญหาด้านสุขภาพในภิกษุสงฆ์ เป็นปัญหาที่สังคมควรให้ความตระหนัก จากผลสำรวจพระสงฆ์ทั่วประเทศ จำนวนกว่า 300,000 รูป มีน้ำหนักเกินมาตรฐานกว่าร้อยละ 45 และโรคเบาหวานเป็นโรคที่พบมากในพระสงฆ์ จาก 2 สาเหตุ คือตามพระวินัยพระสงฆ์ไม่สามารถออกกำลังกายแบบคนทั่วไปได้ และพระสงฆ์ไม่สามารถเลือกฉันอาหารได้


โครงการนี้จึงเป็นการสร้างความเข้าใจถึงปัญหาที่เกิดให้กับชาวบ้านและรณรงค์ให้ใส่บาตรอาหารคลีน คือ ห้ามทอด ห้ามหวาน ห้ามกะทิ โดยได้รับการร่วมมือจากหลายภาคส่วน เช่น สาธารณสุขจังหวัด จากการวัดผลหลังการดำเนินโครงการพบว่า พระสงฆ์ มีระดับน้ำตาลในเลือดลดลง และมีสุขภาพที่ดีขึ้น จากการดำเนินโครงการครั้งนี้ นอกจากพระสงฆ์ที่มีสุขภาพที่ดีขึ้นแล้ว ชาวบ้านก็มีสุขภาพที่ดีขึ้นเช่นเดียวกัน


ใช้วัตถุดิบท้องถิ่น เพื่อความยั่งยืน


โมไน ยกระจ่างพัฒน์ ตัวแทนจากกลุ่มนวัตกรรมทางสังคมฝีมือ เยาวชน "ฟิวชั่นฟู๊ด ออฟ ปทุมธานี" กล่าวว่า จังหวัดปทุมธานีมีวัตถุดิบท้องถิ่นที่โดดเด่นและหาได้ง่าย คือ กล้วยหอมทอง เห็ดนางฟ้าภูฏาน และบัวหลวง แต่กลับพบว่าวัตถุดิบเหล่านี้ไม่ถูกนำไปประกอบอาหารมากนัก


โดยแนวคิดของโครงการนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการให้คนชุมชนเห็นความสำคัญของวัตถุดิบท้องถิ่นเพียงเท่านั้น แต่ต้องการให้เกิดความยั่งยืนในการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นประกอบอาหารด้วย โครงการนี้จึงทำการศึกษา อาหารดั้งเดิม เพื่อหาองค์ความรู้ ในการนำวัตถุดิบท้องถิ่นมาต่อยอด และดัดแปลงเป็นอาหารฟิวชั่นได้ โดยนำองค์ความรู้ดังกล่าวจัดทำเป็นคู่มือ "บันไดประยุกต์" แจกให้กับโรงเรียนต่างๆ เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้ การทำอาหารฟิวชั่นจากวัตถุดิบ ท้องถิ่น


และสิ่งที่ได้รับจากโครงการนี้คือ ความยั่งยืนของการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นในการประกอบอาหารและเป็น การสร้างประสบการณ์ที่สามารถ ต่อยอดไปเป็นอาชีพให้กับเด็กนักเรียนได้ในอนาคต


พัฒนาต่อยอดอาหารออร์แกนิค


ชลดา ดอนชมภู ตัวแทนจากกลุ่มนวัตกรรมทางสังคมฝีมือเยาวชน "สวนผัก ยูเนียน" กล่าวว่า ปัจจุบันกระแสการรับประทานอาหารออร์แกนิคเติบโตมาก และด้วยพื้นที่ของชุมชนมีความเหมาะสมกับการปลูกผักสวนครัว จึงมีความคิดอยากสร้างรายได้ให้กับชุมชน หากพื้นที่ดังกล่าวทำเป็นเพียงสวนผักปลูก เพื่อขายเพียงอย่างเดียว ชุมชนก็ได้แต่เงิน ไม่เกิดการพัฒนา จึงคิดโครงการนี้ขึ้นเพื่อให้ชุมชนอะไรได้มากกว่ารายได้


"จึงมีการสร้างศูนย์การเรียนรู้เพื่อให้พ่อแม่พาลูกหลานมาเรียนรู้การปลูกผักและเลี้ยงปลาดุก เพื่อเป็นการสร้างประสบการณ์การใช้ชีวิต และเป็นพื้นที่ส่วนกลางให้คนในชุมชนได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ผลที่ได้รับจากโครงการนี้ นอกจากคนในชุมชนได้มีปฏิสัมพันธ์กัน ลดความขัดแย้ง และมีผักออร์แกนิคปลอด สารพิษไว้รับประทานแล้ว ยังเป็นการสร้างประสบการณ์ให้กับเด็กๆ ในชุมชนได้มีประสบการณ์ในใช้ชีวิตด้วย"


ข้าวแคบอาหารวัฒนธรรมทั้งอร่อย ทั้งสำคัญ ต้องไม่สูญพันธุ์ในยุคของเรา


ณัฐริกา เปี้ยดี ตัวแทนจากกลุ่มนวัตกรรมทางสังคมฝีมือเยาวชน "ข้าวแคบกินกับอะไรก็อร่อย" กล่าวว่า ข้าวแคบเป็นวัฒนธรรมที่สืบต่อมา ยาวนานของชาวอุตรดิตถ์ เพราะที่นี่เป็นต้นกำเนิดของข้าวแคบ แต่ในปัจจุบันข้าวแคบกำลังจะหายสาบสูญไป


"เนื่องจากข้าวแคบเป็นที่รู้จักเฉพาะในจังหวัดอุตรดิตถ์และคนรุ่นใหม่ในอุตรดิตถ์เอง เริ่มไม่ให้ความสำคัญกับข้าวแคบ จึงจัดทำโครงการนี้ขึ้นเพื่อเป็นการอนุรักษ์ ข้าวแคบที่เปรียบเสมือนวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยทำการศึกษาเมนูที่กินกับข้าวแคบแล้วอร่อย จากนั้นนำเมนูดังกล่าวกระจายไปตามร้านอาหารและจัดตั้งบูทตามเทศกาลต่างๆ ในจังหวัด เพื่อทำให้ข้าวแคบเป็นที่รู้จักมากขึ้น


ผลที่ได้รับคือ ปัจจุบันข้าวแคบกลายเป็นสินค้าโอทอป (OTOP) ประจำตำบลลับแล และถูกนำไปขายทั่วประเทศ มากไปกว่านั้นมีการส่งออกข้าวแคบไปขายต่างประเทศอีกด้วย ผลการดำเนินการโครงการนี้นอกจากจะเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างข้าวแคบแล้ว ยังสามารถเพิ่ม รายได้ให้กับชุมชนและครัวเรือนที่ทำข้าวแคบขายกว่า 2 เท่า อีกด้วย"


นอกจากโครงการทั้ง 4 กลุ่มที่กล่าวมาข้างต้นแล้วยังมีโครงการอื่น ที่น่าสนใจอีกมาก เช่น โครงการ ขยะขยับเท่ากับรายได้ โครงการ ทิ้งฉันลง ทิ้งฉันเลย และโครงการหลอดดูดรังสรรค์ร่วมกันปันสุข เป็นโครงการที่ออกแบบมาเพื่อจัดการขยะอย่างยั่งยืน เป็นต้น


ผู้สนใจสอบถามโทร. 0 2564 4493 หรือ www.tu.ac.th

Shares:
QR Code :
QR Code