ธรรมะที่เกิดจากการทำ
โครงการ “ชีน้อยพบธรรม ครอบครัวพบสุข” อีกหนึ่งกิจกรรมสำหรับเด็กในช่วงปิดเทอม แม่ชีน้อยปาร์มได้ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ ซึ่งจะขอมอบความสุขในการเรียนรู้พระธรรมนี้แด่ตัวเธอ และครอบครัว
ภาพเบื้องหน้าเธอ ไม่ใช่ลานคับแคบ ห้องที่ทึบอับ แต่เป็นลานหินบดสีเทาดำในพื้นที่กว่า ๔ ไร่และเต็มไปด้วยต้นไม้ พุ่มไม้ดอก บ้านหลังเล็กๆ ศาลาสวดมนต์ แห่งสำนักแม่ชีรัตนไพบูลย์ ที่เธอและเพื่อนๆร่วมบวชชีน้อยอีกกว่า ๒๐ ชีวิต ได้มาศึกษาเรียนรู้หลักธรรมสำหรับเด็กหญิงตลอดปิดเทอมหน้าร้อนนี้
เสียงที่ได้ยิน ไม่ใช่เสียงอึกทึก แผดก้องเหมือนที่เคยได้ยิน แต่เป็นเสียงแผ่วเบา นุ่มนวล มีจังหวะจากริมฝีปากแม่ครูชีและแม่ชีน้อย ที่พร่ำสวดเช้า-เย็น ในศาลาชั้นเดียวโดดเด่นข้างลานกว้างๆ
“แม่ชีน้อยปาร์ม” เด็กหญิงตัวน้อย จากชุมชุนใกล้สำนักแม่ชีฯ นั่งอยู่แถวหลังสุด ประคองถือหนังสือสวดมนต์ไว้ในมือ กวาดสายตาตามทุกตัวอักษรที่ไม่คุ้นเคยนัก อ่านติดๆขัดๆจนจบบทสวดสวดแรก แอบคิดให้ฉายาภาษาที่สวดว่า “อักษรเทวดา ภาษาทวยเทพ” กล่าวปนหัวเราะว่า ตั้งแต่เห็นหน้าตัวเองบนป้ายประชาสัมพันธ์เชิญชวนเด็กผู้หญิงให้มาบวชเป็นแม่ชีน้อยในโครงการ “ชีน้อยพบธรรม ครอบครัวพบสุข” แล้ว ก็ตัดสินใจขออนุญาตพ่อแม่ทันที เธอปรารถนาจะทำดีอะไรสักอย่างตลอดปิดเทอมเรียนนี้ ที่เป็นประโยชน์ต่อเธอเองและเป็นความสุขของพ่อแม่ แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรจะดีไปกว่า ทำให้พ่อแม่มีความสุข ด้วยการบวชเป็นแม่ชีน้อย ที่มีเด็กหญิงน้อยคนนักจะยอมโกนหัวแล้วมาบวชอยู่แบบนี้
ก่อนหน้านี้ เธอและเพื่อนๆ ในโรงเรียน ยังไม่ตัดสินใจว่าจะทำอะไรในช่วงปิดเทอมนี้ นอกจากอยู่บ้าน ตั้งแต่เห็นแม่ครูชีเข้าไปทำกิจกรรมและเชิญชวนให้มาบวชเป็นแม่ชีน้อยศึกษาปฏิบัติธรรม จึงตั้งใจไม่ลังเล เพราะอย่างน้อยก็ได้ศึกษาเรียนรู้ธรรมกับแม่ครูที่ดูใจดีเอาใจใส่และเป็นเหมือนแม่ที่ใส่ชุดขาว เธอกล่าวขออนุญาตพ่อแม่และพยายามบอกให้ท่านมั่นใจว่า การไปบวชแม่ชีน้อยครั้งนี้ จะทำให้เป็นคนมีระเบียบวินัย รักคนอื่น อดทนและเป็นลูกที่กตัญญูได้ ในระหว่างที่บวชอยู่ก็เป็นโอกาสให้พ่อแม่ได้มาสำนักแม่ชีฯ ทำบุญ และตั้งใจที่จะรักษาศีล ๕ ตลอดเวลาที่บวชก็ยังได้ เหมือนพ่อแม่ได้บวชอยู่กับลูกใกล้ชิดกัน
เหมือนที่บอกว่า “เมื่อเวลามาถึงดอกไม้จะบานเอง” สิ่งที่แม่ชีน้อยได้ตั้งใจแน่วแน่บอกพ่อแม่ไปก่อนจะบวช ดูเป็นเรื่องเล็กน้อยและห่างไกลจากความจริงที่เธอได้สัมผัสตลอดเวลาการบวชเพียงไม่กี่วัน เธอได้เริ่มเห็นความกตัญญูที่มากกว่าความรักต่อพ่อแม่ นั่นคือ การรักต่อผู้อื่นและโลกที่อาศัยอยู่ตอนนี้ รักต้นไม้ บาตร ที่นอน แสงแดด แก้วน้ำและทุกอย่างที่เธอเข้าไปเกี่ยวข้อง เพื่อนๆเธอเองแม้หลายคนไม่รู้จักกันมาก่อน ก็สนิทสนม รักและสามัคคีช่วยกันทำกิจกรรมเหมือนทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน เวลาตื่นนอน สวดมนต์ ทำความสะอาด บิณฑบาต ทานอาหาร ทุกก็พร้อมกันทำอย่างรื่นเริงเบิกบาน เหมือนอยู่กับของเล่นที่บ้าน
เธอเข้าถึง เข้าใจ “ธรรมะที่เกิดจากการทำ” ที่นี่ ที่เธอกับเพื่อนๆมาบวชศึกษาปฏิบัติกันได้ไม่นาน เธอสัมผัสเสรีภาพและความสุขที่เบาสบาย คลี่คลายและเป็นไปตามธรรมชาติ ในทุกกิจกรรมบนลานกว้างใหญ่ ใต้ร่มไม้ ในศาลาสวดมนต์ แม้แต่บนถนนตอนบิณฑบาต
เธอบอกกับผม ใต้เงาต้นไทรใหญ่ริมลำคลอง สายลมพัดอ้อยอิ่งแผ่วเบาพัดผ้าสะไบปลิวไสวว่า เธอไม่รู้ว่า เปิดเทอมไปแล้วจะเป็นอย่างไร อาจเรียนหนัก มีเวลาน้อยสำหรับมาเยี่ยมแม่ครูชี หรือตื่นไม่ทันใส่บาตรแม่ชีในตอนเช้าวันไปโรงเรียน แต่ประสบการณ์ ความรัก ความเอาใจใส่และมิตรภาพที่งอกเงยตลอดเวลาการบวชเป็นแม่ชีน้อยที่สำนักแม่ชีฯนี้ จะทำให้เธอเป็นธรรมทายาทเยาวชนสตรีที่มีจิตอาสา สามารถดูแลตัวเอง ช่วยงานครอบครัวและช่วยเหลือคนอื่นได้โดยไม่ย่อท้อในการทำดีทุกวัน
เธอสบตาผม ก่อนสวดมนต์บทสั้นๆ และปล่อยให้ความเงียบยึดโยงเราไว้ครู่หนึ่ง
“อาจารย์ค่ะ” เธอกล่าวอย่างแผ่วเบา “หนูอยากให้เพื่อนๆหนู ได้มีโอกาสสักครั้ง มาลองบวชศึกษาธรรมะอย่างที่หนูเป็น อย่าท้ออย่าปิดโอกาสที่จะทำให้ทุกคนมองว่าการมาบวชแม่ชีน้อยเป็นเรื่องของเยาวชนหญิงทุกคนนะค่ะ” ก่อนก้าวเดินอย่างงดงาม ผ่านลานหินบดกว้าง ไปยังศาลาสวดมนต์ที่เพื่อนๆเธออีกหลายคนสวดมนต์อยู่ก่อนหน้านี้แล้ว
ที่มา : ธรรมาวตาร สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า