ธนาคารคาร์ซีท (Car Seat) แบ่งปันความปลอดภัยของหนูน้อย

ข้อมูลจาก: เปิดตัวโครงการรณรงค์ส่งเสริมการใช้ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก “ลูกรอดปลอดภัย ที่นั่งนิรภัยอย่ามองข้าม”

ภาพโดย: ภัณฑิรา แสวงดี Team Content www.thaihealth.or.th และแฟ้มภาพ

                เพราะอ้อมกอดแม่คือสิ่งที่ปลอดภัยที่สุด แต่สำหรับการขับขี่บนท้องถนนไม่ใช่  ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข พบว่า แม่ส่วนใหญ่กอดลูกให้นั่งตัก ซึ่งเท่ากับ รักลูกผิดทาง เพราะการที่ผู้ปกครองอุ้มเด็กบนตัก ขณะนั่งในรถยนต์ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ เด็กจะมีโอกาสถูกแรงกระแทกมหาศาลจากการปะทะกับอุปกรณ์ในรถ หรือ ทะลุกระจกออกไปนอกตัวรถ มีโอกาสเสียชีวิตสูง และการไม่ใช้ Car Seat ที่นิรภัยสำหรับเด็ก ส่งผลให้เด็กอายุ 0-6 ปี เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เฉลี่ยปีละ 44  คน ต้องรับการรักษาแบบผู้ป่วยนอกบาดเจ็บเล็กน้อย เฉลี่ยปีละ 1,855 คน เป็นการรักษาแบบผู้ป่วยใน เฉลี่ยปีละ 318 คน และเป็นสาเหตุของความพิการถึงปีละ 15 คน

                นายปิยะพงศ์ พันธ์ศรี คุณพ่อของน้องริวจิ วัย 2 เดือน หนึ่งในผู้ปกครองที่เข้าร่วมโครงการรณรงค์ส่งเสริมการใช้ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก หรือ Car Seat “ลูกรอดปลอดภัยที่นั่งนิรภัยอย่ามองข้าม” ระบุว่า ด้วยตัวเองทำงานเป็นบุคลากรสาธารณสุข ทำให้มีความตระหนักเรื่องของความปลอดภัยและอุบัติเหตุ และเมื่อเป็นพ่อคน มีความเข้าใจอย่างยิ่งถึงความเปราะบางของลูก เพราะ Car Seat จะช่วยเซฟต้นคอของลูกที่ยังเล็กอยู่ได้ดี ขณะที่รถกำลังขับ เมื่อเจอแรงกระแทก หรือ แรงสั่นสะเทือนจะไม่ทำให้ต้นคอหัก เนื่องจากต้นคอของเด็กยังไม่แข็งแรง ทั้งนี้ยอมรับด้วยราคาของ Car Seat บวกกับเป็นอุปกรณ์ที่ต้องมีการเปลี่ยนตามช่วงอายุของเด็ก ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองบางส่วนอาจไม่กล้าลงทุน และมั่นใจในฝีมือกับขับรถยนต์ของตัวเอง หรืออาจใช้การขับรถให้ช้าลง แต่ในส่วนของกายภาพพื้นผิวถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ ไม่สามารถควบคุมได้ การซื้อ Car seat จึงนับเป็นการลงทุนด้วยความปลอดภัยให้กับลูก

                “ส่วนตัวเพิ่งมีลูกเป็นคนแรกจึงห่วงมากเป็นพิเศษ เพราะจะนั่งอุ้มลูกตลอดไว้ ก็เกรงว่าจะมีปัญหากับคอของลูก อาจเอนหันซ้ายหันขวา จึงมองว่าการซื้อ Car Seat เป็นการลงทุนซื้อความปลอดภัยให้กับลูก ประมาณ 5,000 บาท เซฟชีวิตลูกเรามากกว่า ช่วยให้ขับรถยนต์ไม่ต้องกังวลว่าลูกเราจะได้รับแรงกระแทก เป็นอันตรายหรือไม่ ส่วนการใช่ Car Seat จะเป็น มือ1 หรือ มือ2 ล้วนดีทั้งนั้น และการติดตั้งเองไม่ยากสามารถดูในอินเตอร์เน็ต เพื่อให้ Car Seat หันหน้าถูกต้องและลูกก็ปลอดภัย เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ” นายปิยะพงศ์ กล่าว

                สอดคล้องกับแนวนโยบายของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะรองประธานกรรมการกองทุน คนที่ 1 สสส. ที่ผุดไอเดีย ธนาคาร Car Seat ขึ้น ภายใต้โครงการรณรงค์ส่งเสริมการใช้ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก หรือ Car Seat “ลูกรอดปลอดภัยที่นั่งนิรภัยอย่ามองข้าม” เปิดให้ยืม Car Seat ได้ในกลุ่มคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่เพิ่งเริ่มมีลูกคนแรก โดยนำร่องใน 6 โรงพยาบาล ได้แก่ สถาบันบำราศนราดูร, โรงพยาบาลสมุทรปราการ, โรงพยาบาลน่าน, โรงพยาบาลบุรีรัมย์, โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต และโรงพยาบาลสุโขทัย โดยจะผนึกความร่วมมือกับ สสส. ร่วมประสานจัดหา Car Seat ให้แต่ละโรงพยาบาล /โรงพยาบาลละ 30 ชุดในการยืม ทั้งนี้เพื่อเป็นการสนับสนุนให้ เกิดการใช้ Car Seat ช่วยลดโอกาสการเสียชีวิตในเด็กได้ถึง 70% เพราะเด็กที่นั่งเบาะหน้ารถยนต์ และไม่ใช้ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กมีโอกาสเสี่ยงต่อการบาดเจ็บรุนแรงสูงกว่าเด็กที่นั่งด้านหลังและใช้ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กถึง 5 เท่า  อีกทั้งเป็นการสนับสนุนให้เกิดความพร้อมในการบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ.2565 ที่กำหนดให้ เด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องจัดให้นั่งในที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก หรือที่นั่งพิเศษสำหรับเด็ก เพื่อป้องกันอันตราย

                “อยากขอเชิญชวนให้ผู้ที่ไม่ได้ใช้ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กแล้วให้นำมาบริจาคได้ทุกโรงพยาบาล เพื่อเป็น ธนาคาร Car Seat ได้ส่งต่ออุปกรณ์เหล่านี้ให้กับพ่อแม่ท่านอื่นๆ ที่ลูกโตไม่ได้ใช้แล้ว เพราะช่วยลดการเสียชีวิตของเด็ก” นายสมศักดิ์ กล่าว

                จากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข พบว่า 5 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2562 – 2566) มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน จำนวน 89,569 คน เฉลี่ย 17,914 คนต่อปี ซึ่งในช่วง 5 ปี ดังกล่าว มีเด็กไทยอายุ 0 – 6 ปี เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 1,010 คน โดย 117 คน เป็นการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ เฉลี่ย 24 คนต่อปี และในส่วนของการบาดเจ็บ มีเด็กไทยบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถยนต์และรถกระบะ 8,810 คน เฉลี่ย 1,763 คนต่อปี และจากข้อมูลองค์การอนามัยโลกพบว่า การใช้ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก หรือ CAR SEAT จะช่วยลดโอกาสการเสียชีวิตของเด็กได้มากถึง 70% ซึ่งเด็กที่นั่งเบาะหน้ารถยนต์และไม่ได้ใช้ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก จะมีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บรุนแรงสูงกว่าเด็กที่นั่งด้านหลังและใช้ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก ถึง 5 เท่า

                นางก่องกาญจน์ ทักษ์หิรัญฤทธิ์ ผอ.สนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สสส. กล่าวว่า รูปแบบการใช้ Car Seat เป็นความปลอดภัยเหมาะสมกับเด็กในแต่ละช่วงวัย มีตั้งแต่ แรกเกิด 0-2 ปี เป็นการติดตั้งเบาะนั่งหันหน้าไปทางด้านหลังรถ, อายุสำหรับเด็กเล็ก 2-4 ปี เป็นการติดตั้งแบบหันหน้าไปทางด้านหน้ารถ  และแบบเสริม 6-12 ปี เหมาะสำหรับเด็กโตช่วยเสริมก้นให้สูงขึ้นจนสามารถใช้เข็มขัดนิรภัยได้พอดี ทั้งนี้ Car Seat ที่ใช้ต้องได้รับมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) ซึ่งในอนาคตทาง สสส. เตรียมหาพาร์ทเนอร์, บริษัท และห้างร้านที่ต้องการทำ  Corporate Social Responsibility หรือ CSR  มาร่วมจัดซื้ออุปกรณ์นิรภัยให้กับเด็กที่ครอบครัวยากไร้ถึงปานกลางให้ได้มีความปลอดภัย

                “ในอนาคตเรื่องความปลอดภัยทางถนนทาง สสส. ยังมีแนวคิดไปถึงความปลอดภัยในกลุ่มเด็กที่มีผู้ปกครองขับขี่รถจักรยานยนต์ เนื่องจากในต่างประเทศอย่างประเทศจีน มีการออกกฎหมายกำหนดให้ผู้ปกครองที่มีบุตรหลาน เด็กนั่งในรถจักรยานยนต์ต้องมีเข็มขัดนิรภัยรัดตัวผู้ปกครองไว้เพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้ก็จะเหมาะสมกับพฤติกรรมการขับขี่รถยนต์ในประเทศไทยด้วย” นางก่องกาญจน์ กล่าว

                ขณะที่ ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส. ร่วมกับกองป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรค ริเริ่ม “โครงการศึกษาพฤติกรรม และพัฒนารูปแบบการส่งเสริมการใช้ที่นั่งนิรภัยเด็กในโรงพยาบาล” เพื่อส่งเสริมให้ผู้ปกครองใช้ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก สร้างความปลอดภัยขณะที่โดยสารบนรถยนต์  พร้อมจัดทำคู่มือ ชุดนิทรรศการ สื่อการเรียนรู้การส่งเสริมการใช้ที่นั่งนิรภัยเด็ก ฝึกอบรมวิทยากรให้ความรู้การใช้ที่นั่งนิรภัยเด็กและความปลอดภัย ให้แก่ พยาบาล นักสุขศึกษา นักส่งเสริมสุขภาพ รวมถึงจัดกิจกรรมธนาคารสำหรับยืมที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก เพื่อไม่ให้ต้องเกิดอุบัติเหตุกับเด็ก และเยาวชนที่จะเป็นอนาคตของชาติในวันข้างหน้า

                “การจัดซื้อ Car Seat ยอมรับว่าเป็นต้นทุนที่มีราคา แต่ก็นับว่าคุ้มค่า เพราะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตในเด็กได้จริงหากเกิดอุบัติเหตุในการขับขี่ อีกทั้ง  Car Seat ไม่ได้ใช้ปีต่อปี และการใช้ก็มีช่วงอายุที่แตกต่างกัน แต่เมื่อได้ลองใช้แล้วจะพบว่าทุกการขับขี่ที่มี Car Seat คือความปลอดภัย สำหรับผู้ที่ต้องการ บริจาค car seat ก็ต้องตรวจสภาพก่อนว่ายังสามารถใช้ได้ดี ยังรัดแน่นอยู่หรือไม่ เพื่อส่งต่อความปลอดภัยให้กับครอบครัวอื่น” ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าว

                การแบ่งปันและส่งต่อความปลอดภัยด้วย ธนาคาร CAR SEAT นับเป็นความเอื้ออาทรที่ดีในสังคมและช่วยปกป้องเยาวชนที่จะเป็นทรัพยากรสำคัญของชาติในอนาคต สิ่งสำคัญคือการรู้ใช้จัก CAR SEAT ให้ถูกต้องเหมาะสมกับช่วงวัย จัดวางในท่าลักษณะที่ถูกก็จะยิ่งทำให้ความปลอดภัย เกิดประโยชน์สูงสุด

Shares:
QR Code :
QR Code